“โฮมโปร” โตไม่หยุด โชว์รายได้ 9 เดือนทะลุ 50,921.57 ล้านบาท เพิ่ม 4,357.88 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4,564.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 898.87 ล้านบาท หรือ 24.52% จากปีก่อน

“โฮมโปร” โชว์รายได้ช่วง 9 เดือนแรก มีรายได้รวม 50,921.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,357.88 ล้านบาท หรือ 9.36% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 4,564.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 898.87 ล้านบาท หรือ 24.52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อาทิ งาน Homepro Electric Expo งาน Homepro Super Expo และกิจกรรม Double Day ในทุกเดือน

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ในช่วง 9 เดือนแรก 2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 50,921.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,357.88 ล้านบาท หรือ 9.36% และมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 4,564.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 898.87 ล้านบาท หรือ 24.52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 47,976.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,599.22 ล้านบาท หรือ 8.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีส่วนมาจาก การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงผลจากการเปิดให้บริการเต็มทุกสาขา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีการปิดบางสาขาตามมาตรการล็อกดาวน์ของทางภาครัฐ นอกจากนี้ บริษัทได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อาทิ งาน Homepro Electric Expo ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 3 ปี 2565 งาน Homepro Super Expo ในช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ปี 2565 และกิจกรรม Double Day ในทุกเดือน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่า จำนวน 1,256.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412.24 ล้านบาท หรือ 48.84% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้รายได้จากค่าเช่าเติบโตสูงขึ้น รวมถึงพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปร และศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว สามารถเก็บค่าเช่าได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีการปิดศูนย์การค้าชั่วคราวในไตรมาสที่ 3 อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด และมีการลดค่าเช่าเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาให้แก่ธุรกิจพื้นที่เช่า รวมถึงการรับรู้รายได้ค่าเช่าจาก โฮมโปรสาขาใหม่ที่บางนา กม.1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้อื่น ๆ อีกจำนวน 1,689.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.42 ล้านบาท หรือ 25.80% โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าทั้งในช่องทางสาขา ช่องทางออนไลน์

บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า และการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 12,552.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,294.76 ล้านบาท หรือ 11.50% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 25.37% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.16% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง รวมถึงรายได้จากการบริการที่เพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนค่าขนส่งในการกระจายสินค้าสู่สาขาจะปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันก็ตาม

นายคุณวุฒิ ได้กล่าวอีกว่า ในไตรมาส 3 นี้ เราเริ่มเห็นการฟื้นตัวเศรษฐกิจประเทศไทย โดยมีผลมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จากการกระจายวัคซีนที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ และแนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวของทางภาครัฐ ถึงแม้ว่าจะมีความกดดันในเรื่องของเงินเฟ้อ จากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีการออกมาตรการเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อได้ส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ ภาพรวมการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมาก เป็นผลมาจากฐานยอดขายต่ำในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้วยผลกระทบจากการปิดสาขาชั่วคราวตามมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐ รวมถึงมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในปีนี้

นายคุณวุฒิ กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา บริษัท ได้รวม “เมกาโฮม” เข้ามาบริหารเข้าเป็นส่วนเดียวกันกับโฮมโปร ซึ่งจากเดิมที่มีการแบ่งแยกการบริหารงานอย่างชัดเจน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารในด้านต่าง ๆ อาทิ การบริหารบุคลากร การบริหารสินค้าคงคลังและการควบคุมต้นทุนสินค้าให้เหมาะสม รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการได้ทั้งระหว่างสาขาโฮมโปร และเมกาโฮม ที่รวดเร็วและหลากหลายเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยเช่นกัน

“ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีการเปิดสาขาโฮมโปร จำนวน 1 สาขา ได้แก่ สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โดยเป็นการย้ายสถานที่จากสาขาเดิมมาเปิดในพื้นที่ใกล้เคียงกันที่มีความสะดวกสบายต่อลูกค้ามากขึ้น รวมถึงบริษัทฯมีการปิดสาขาโฮมโปร จำนวน 1 สาขา ได้แก่ สาขาเดอะมอลล์ บางแค เนื่องจากสัญญาเช่าหมดอายุลง และบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในบริเวณใกล้เคียงกันในปีถัดไป อีกทั้งยังมีการเปิดสาขาเมกาโฮม จำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขาพัทยา และ สาขาฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีโฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 6 สาขา เมกาโฮม 16 สาขา และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียอีก 7 สาขา” นายคุณวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

you might like

พฤกษา–แคปปิตอลแลนด์–แอลลี่ โลจิสติกส์ ระดมทุนเพิ่ม 3,250 ล้าน ดึง มิตซุย โอเอสเค ไลน์ส เสริมแกร่งกองทุน ดัน “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” ก้าวสู่ฮับโลจิสติกส์ครบวงจรในอาเซียน

“ลอนดรี้บาร์ (LaundryBar)” ผนึกกำลัง “ธรรมนาวา” ส่งต่อความห่วงใยปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมส่งทีมเซอร์วิสซ่อมบำรุง ช่วยเหลือผู้ประกอบการแฟรนไชส์ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา

Scroll to Top