จบปัญหาถางป่าทำไร่กาแฟ กับAtomo Coffee กาแฟโมเลกูลาร์ไร้เมล็ดเพื่อโลกยั่งยืน

ไม่ใช่แค่รสชาติกาแฟที่ผสมผสานความหวานและความขม แต่อุตสาหกรรมกาแฟสามารถทำลายสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าที่คุณคิด ดังนั้นสตาร์ตอัป Atomo Coffee แห่งซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา จึงนำเสนอ “กาแฟที่ไม่ได้ทำมาจากเมล็ดกาแฟ” หวังเบลนด์ความยั่งยืนเข้ากับเอสเปรสโซแก้วโปรดให้กลายเป็น “กาแฟรักษ์โลก” เครื่องดื่มแห่งอนาคต

Photo: Courtesy of Atomo Coffee

ถางป่า ทำไร่กาแฟ

แต่เดิมการปลูกกาแฟที่มีคุณภาพมากที่สุดคือการปลูกร่วมกับป่าไม้ หรือปลูกแบบใต้ร่มเงา (Shade-grown coffee) ซึ่งมอบผลผลิตที่ยาวนาน ดีต่อระบบนิเวศเพราะไม่ต้องตัดไม้ทำลายป่าและช่วยรักษาหน้าดิน แต่จุดด้อยคือใช้เวลานานในการให้ผลผลิต อุตสาหกรรมกาแฟจึงหันมาปลูกกาแฟเชิงเดี่ยวมากขึ้น เพื่อสอดรับความต้องการบริโภคกาแฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกันเมล็ดกาแฟหลายสายพันธุ์ไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงในสถานการณ์ภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ธุรกิจกาแฟจึงต้องแสวงหาพื้นที่ปลูกใหม่ที่มีอุณหภูมิต่ำลง จึงตัดต้นไม้ถางป่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างไร่กาแฟแห่งใหม่ และปัญหาโลกร้อนก็เกิดขึ้นวนไปอย่างต่อเนื่อง

Photo: Courtesy of Atomo Coffee

ข้อมูลจาก Grand View Research เผยว่า

  • ตลาดกาแฟทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 461,250 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2022
  • คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ถึง 5.2% ในปี 2023 ถึง 2030

และในแง่ความต้องการบริโภค สถิติจาก The World Counts แสดงให้เห็นถึงตัวเลขดังนี้

  • 821,250,000,000 แก้ว คือปริมาณกาแฟที่ทั่วโลกบริโภคในแต่ละปี
  • 85% คือปริมาณการผลิตกาแฟที่เพิ่มขึ้นจากปี 1993 ถึงปี 2018 ด้วยจำนวน 93 ล้านกระสอบ สู่ 173 ล้านกระสอบ

Photo: Courtesy of Atomo Coffee

นั่นหมายความว่ามีการถางป่าและสูญสิ้นทรัพยากรน้ำจำนวนมากเพื่อทำไร่กาแฟเชิงเดี่ยวแบบเป็นล่ำเป็นสัน เพื่อสอดรับความต้องการของผู้บริโภคดังกล่าว ซึ่งข้อมูลยังเผยอีกว่า

  • ทุกๆ การบริโภคกาแฟ 1 ถ้วย จะทำลายพื้นที่ป่าฝนประมาณ 1 ตารางนิ้ว
  • ทุกๆ การบริโภคกาแฟ 1 ถ้วย จะใช้ต้องน้ำถึง 140 ลิตรในกระบวนการผลิต

อ่านถึงบรรทัดนี้หลายคนคงก้มมองแก้วเอสเปรสโซของตัวเองด้วยอาการใจสั่น ไม่ว่าจะด้วยฤทธิ์คาเฟอีนหรือความสั่นคลอนทางอารมณ์ก็ตาม แต่ไม่ต้องห่วง มีสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีอาหารอาสามาแก้ปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว

Photo: Courtesy of Atomo Coffee

Atomo Coffee ทำอะไร

แนวคิดเดียวกันกับ “เนื้อสัตว์ในห้องแล็บ” สตาร์ตอัป Atomo Coffee แห่งซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา นำเสนอกาแฟโมเลกูลาร์ (Molecular Coffee) หรือ “กาแฟที่ไม่ได้ทำมาจากเมล็ดกาแฟ” ซึ่งเป็นกาแฟที่นำวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ มาอัปไซเคิลให้เป็นกาแฟรสชาติดี โดยไม่ง้อไร่กาแฟเชิงเดี่ยวอีกต่อไป หวังเป็นต้นแบบการผลิตกาแฟยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยจุดเริ่มต้นไอเดียมาจากผู้ร่วมก่อตั้ง แอนดี ไคลท์ช์ ผู้ประกอบการด้านธุรกิจเทคโนโลยี และจาร์เร็ต สต็อปฟอร์ธ นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารที่เคยร่วมงานกับแบรนด์ดังอย่างกรีกโยเกิร์ต Chobani และซุปกระป๋อง Campbell Soup

โดยกาแฟแห่งอนาคตแก้วนี้สรรค์สร้างมาจากเมล็ดอินทผลัม เมล็ดรามอน ซึ่งเป็นเมล็ดของต้นไม้ในแถบลาตินอเมริกา สารสกัดเมล็ดทานตะวัน โปรตีนถั่ว ลูกเดือย เลมอน ฝรั่ง ฟรุกโตส เบกกิ้งโซดา และคาเฟอีนที่สกัดจากชาเขียว ซึ่งกระบวนการผลิตแบบไร้เมล็ดกาแฟนี้ไม่ก่อให้เกิดการทำลายป่าไม้และลดปัญหา Food Waste ได้เป็นอย่างดี

Photo: Courtesy of Atomo Coffee

ทางด้านรสชาติก็สำคัญ

มาในส่วน Pain Point ของผู้บริโภค คอกาแฟหลายคนไม่อินกับกาแฟทางเลือก เนื่องจากรสชาติไม่เทียบเท่าแบบปกติและปราศจากคาเฟอีน ดังนั้น Atomo Coffee จึงไม่ขอเรียกตัวเองว่าเป็น “กาแฟทางเลือก” เพราะแบรนด์นำเสนอกาแฟรักษ์โลกที่รสชาติดีไม่ต่างจากกาแฟธรรมดา และที่สำคัญคือมีคาเฟอีนช่วยปลุกกำลังวังชาผู้บริโภคเหมือนเดิม

ผลงานของ Atomo Coffee

ปัจจุบันกระบวนการผลิตกาแฟไร้เมล็ดของ Atomo Coffee ลดการปล่อยคาร์บอนน้อยลงถึง 83% และยังลดการใช้พื้นที่สำหรับทำไร่กาแฟถึง 70%

หลังเปิดตัวในปี 2019 ปัจจุบันแบรนด์วางจำหน่ายในร้านกาแฟมากกว่า 70 แห่งในอเมริกา รวมถึงร้านกาแฟในเครือ Bluestone Lane ก็ได้เพิ่มกาแฟนี้ลงในเมนูของทางร้านในทุกสาขา

และตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแบรนด์ได้จำหน่ายกาแฟที่เบลนด์ระหว่างกาแฟไร้เมล็ดกับกาแฟดั้งเดิมเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภคผ่านทางเว็บไซต์อีกด้วย

Photo: Courtesy of Atomo Coffee

คอกาแฟอย่างเราถึงเวลาเปิดรับ “กาแฟไร้เมล็ด” ที่เป็นกาแฟแห่งอนาคตแล้วหรือยัง? เราควรใจสั่นเพราะคาเฟอีนอย่างเดียว หรือควรสั่นเพราะแก้วในมือคุณสร้างปัญหาโลกร้อน?

Words: Valentine

ข้อมูลจาก

you might like

Scroll to Top