• คนในองค์กร คือ หัวใจสำคัญสำหรับกลยุทธ์การทำ Digital Transformation ของพีซีเอส ประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต
• การลงทุนซื้อ SAP SuccessFactors หรือ แพลตฟอร์ม HR บนคลาวด์ชั้นนำของ เอสเอพี แทนที่กระบวนการ HR แบบเดิมในครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัทฯ ในรอบห้าทศวรรษ
• พนักงานกว่า 30,000 คน ของ พีซีเอส ประเทศไทย จะได้ใช้งานเทคโนโลยีอัจฉริยะของ เอสเอพี ภายในปีนี้
เอสเอพี ประเทศไทย เปิดเผยว่า พีซีเอส ประเทศไทย ผู้ให้บริการบริหารจัดการอาคารครบวงจรชั้นนำของประเทศ ได้ลงทุนในโซลูชัน SAP SuccessFactors รวมถึงบริการ Social Media Integration (SMI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการการทำงานของ 30,000 พนักงานทั่วประเทศ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไปจนถึงพนักงานหน้างาน (Front-Line Workers) ด้วยการใช้บริการ HR บนคลาวด์อัจฉริยะออนไลน์และผ่านแอปพลิเคชัน Line ซึ่งจะทำให้การดูแลระบบทั้งหมดง่ายขึ้นผ่านกระบวนการอัตโนมัติ ทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่การให้บริการและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า
“คนในองค์กร” คือ หัวใจของกลยุทธ์การทำ Digital Transformation ของ พีซีเอส ประเทศไทย
พีซีเอส ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 5,000 รายในประเทศในการให้บริการการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นและยั่งยืนมาเป็นเวลากว่าห้าทศวรรษ โดยเป็นธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองภายใต้ OCS Group ครอบคลุม 20 สาขาและศูนย์ฝึกอบรมด้านความปลอดภัย 5 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ OCS Group ดำเนินธุรกิจใน 12 ประเทศ โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุด คือ สหราชอาณาจักร และ ประเทศไทย
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานของผู้คนและวิธีที่พนักงานต้องการให้บริษัทปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก เดวิด แมคกาวน์ ผู้อำนวยการฝ่าย Transformation and Technology ของ พีซีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า นายจ้างที่สามารถแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใส่ใจพนักงานอย่างแท้จริงจะมีโอกาสมากขึ้นในการรักษาและดึงดูดพนักงานหลังการแพร่ระบาดของโรคสิ้นสุดลง
“เรามีพนักงานกว่า 30,000 คนในประเทศไทย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 75% ของฐานต้นทุนของเรา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่เพื่อผลักดันให้เกิดการเติบโตและประสิทธิภาพสูงสุด พนักงานส่วนใหญ่ของเราเป็นพนักงานหน้างาน ประกอบไปด้วยพนักงานทำความสะอาด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ช่างเทคนิค และวิศวกร พวกเขาต้องอยู่หน้างาน ทำงานที่หนักและเหนื่อยเพื่อดูแลลูกค้า ดังนั้นเราต้องดูแลพวกเขา เราจำเป็นต้องฉีกแนวปฏิบัติในการทำงานแบบเดิมๆ และประเมินใหม่ว่าเราจะทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจและได้รับการสนับสนุนในแง่มุมใดได้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมนี้ที่พนักงานส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และ Work-Life Balance”
พีซีเอส ประเทศไทย ได้เริ่มทำ Digital Transformation ตั้งแต่ปี 2563 เพื่อให้บริการที่มีประสิทธิภาพแก่ลูกค้า ตลอดจนสนับสนุนพนักงานและออฟฟิศที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ
“ในมุมมองของลูกค้า กลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของเรานั้น มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการให้บริการลูกค้าและให้ข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริงเกี่ยวกับบริการที่เรานำเสนอ โดยเทคโนโลยีสามารถช่วยยืนยันกับลูกค้าได้ว่าเรากำลังปฏิบัติตามภาระผูกพันที่เรามีกับลูกค้าของเรา ในมุมมองของพนักงาน เราอยู่ในจุดที่ไม่สามารถเพิ่มคนเข้าไปในกระบวนการทำงานต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตต่อไปได้ ดังนั้นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ Digital Transformation ของเรา คือ การทำให้กระบวนการทำงานง่ายขึ้น โดยแทนที่งานที่ใช้กระดาษด้วยกระบวนการอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดภาระงานส่วนตัวและงานแอดมินที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานต่างๆ และจะทำให้พนักงานแถวหน้าของเราปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น” เดวิด กล่าวเสริม
เปลี่ยนการทำงานสำหรับพนักงานให้ง่ายขึ้นด้วย SAP SuccessFactors
พีซีเอส ประเทศไทย เดินหน้ากลยุทธ์ Digital Transformation พร้อมตัดสินใจใช้งานโซลูชัน SAP SuccessFactors ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม HR บนคลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานให้พนักงานทั่วประเทศ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไปจนถึงพนักงานในแนวหน้า ด้วยการดำเนินการนี้ พีซีเอส ประเทศไทย จะสามารถโยกย้ายเอกสารจำนวนมากไปสู่กระบวนการการทำงานที่เป็นระบบ ทำให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้เป็นครั้งแรก และยังสามารถอัปเดตที่อยู่ รายละเอียดธนาคาร หลักฐานการจ้างงาน และสลิปเงินเดือนได้อย่างง่ายดาย เอกสารสำคัญทั้งหมดสำหรับพนักงานหน้างาน เช่น สัญญาการจ้างงาน และ ประวัติส่วนตัว ยังสามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์
ด้วย SAP SuccessFactors พนักงานแต่ละคนจะสามารถทำงานด้านแอดมินได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยสามารถตอกบัตรเข้าและออกขณะทำงานในสถานที่และขอวันหยุดผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายกว่าวิธีเดิมมาก ด้วยบริการ Social Media Integration จาก เอสเอพี พนักงานจะสามารถเข้าถึงระบบ HR ใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน Line ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่พนักงานหน้างานคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน
ประโยชน์ของ SAP SuccessFactors ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มพนักงานแนวหน้าเท่านั้น ในมุมของพนักงานที่ดูแลเรื่องการจัดการ เทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยให้เห็นว่ามีพนักงานเข้ากะกี่คนและตรงเวลาหรือไม่ในแบบเรียลไทม์ รู้ว่ามีตำแหน่งงานที่เต็มแล้วกี่ตำแหน่ง รวมถึงเห็นว่าช่องว่างในการสรรหาบุคลากรขององค์กรอยู่ที่ใด เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดภาระ HR จากการบริหารงานให้สามารถทำหน้าที่ด้านทรัพยากรบุคคลได้เต็มประสิทธิภาพ
พีซีเอส ประเทศไทย จะสามารถดำเนินการและจัดการพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตลอดช่วงชีวิตการทำงาน ตั้งแต่การสรรหา การปฐมนิเทศ ไปจนถึงการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคลากรด้วย SAP SuccessFactors นอกจากนี้ยังสามารถอัปเดตคู่มือการฝึกอบรมตามขั้นตอนการปฏิบัติงานและมาตรฐานล่าสุดได้ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้พนักงานได้รับการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง ผ่านแพ็คเกจการจัดการการเรียนรู้ภายใน SAP SuccessFactors เพื่อให้พนักงานมีโอกาสสำหรับบทบาทการทำงานอื่นๆ ในอนาคต
“สิ่งที่ดีที่สุดจากการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ คือ ความสามารถในการปรับขนาดและการเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา คลาวด์ช่วยลดภาระในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและขยายขีดความสามารถขององค์กรเมื่อเติบโต เราต้องการเพิ่มจำนวนพนักงานขึ้น 15% ในปี 2565 และ 15% ในปี 2566 ตามลำดับ การย้ายไปยังระบบคลาวด์ จะทำให้เรามีโอกาสขยายองค์กรโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มต้นทุนเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญในขณะที่ใช้ SAP SuccessFactors เราจะรู้เลยว่าการเพิ่มฐานพนักงานในแต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่ายเท่าใด” เดวิด กล่าวเสริม
เอทูล ทูลิ กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี อินโดไชน่า กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ พีซีเอส ประเทศไทย ในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้งานระบบดิจิทัล ด้วยการนำเทคโนโลยี HR อัจฉริยะใหม่มาปรับใช้ให้กับธุรกิจในครั้งนี้ เราเชื่อว่า พีซีเอส ประเทศไทย จะสามารถปรับปรุงความสามารถในการดูแลพนักงานตามค่านิยมทางธุรกิจของพวกเขา ซึ่งหมายถึงการช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้มากขึ้น ทำให้ทีม HR สามารถสนับสนุนและให้คำแนะนำที่ดียิ่งขึ้นแก่พนักงานหน้างาน ตลอดจนเพิ่มความสามารถในการสื่อสารกับพนักงานแบบสองทาง”
พนักงาน 30,000 คน จะได้ใช้งานเทคโนโลยีอัจฉริยะของ เอสเอพี ภายในปีนี้
พีซีเอส ประเทศไทย จะเริ่มใช้งาน SAP SuccessFactors ในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ในส่วนของงาน HR หลัก ซึ่งในระยะแรกจะเกี่ยวข้องกับการย้ายบัญชีเงินเดือนของพนักงาน 30,000 คนจากระบบเดิม ตลอดจนการใช้งานโซลูชันการเข้างานและการผนวกโซเชียลมีเดียเข้าในระบบ โมดูลการรับสมัครและการปฐมนิเทศ จะพร้อมใช้งานในเดือนธันวาคมปีนี้ ในขณะที่โมดูลการพัฒนา ผลประโยชน์ และการวางแผนสืบทอดตำแหน่งจะพร้อมใช้งานในเดือนกรกฎาคมปีหน้า
“การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ และถือว่าเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยสนับสนุนพนักงานหน้างานซึ่งเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของบริษัทของเรา นอกจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีแล้ว เราจะพิจารณาการนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านมายังประเทศไทยด้วย เมื่อดูแผนงานเหล่านี้ จะเห็นว่าเรากำลังเดินหน้าต่อยอดสร้างธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นให้พร้อมเติบโตในอนาคต” เดวิด กล่าวทิ้งท้าย
เยี่ยมชมศูนย์ข่าวเอสเอพี ติดตามเอสเอพี บน Twitter ได้ที่ @SAPNews