อุตสาหกรรมไมซ์ เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศนั้น ๆ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยธุรกิจด้านการจัดงานแสดงโชว์ต่าง ๆ เป็นตัวเร่งให้อุตสาหกรรมไมซ์บรรลุเป้าหมายได้เร็วที่สุด เพราะนอกจากจะนำผู้ประกอบการจากทั่วโลกเดินทางมาเจรจาทางการค้าก่อให้เกิดมูลค่าการซื้อขายกันแล้ว ยังเกิดการกระจายรายได้ไปยังกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่พัก อาหาร การเดินทาง และการท่องเที่ยว สำหรับประเทศไทย เมื่อพูดถึงบริษัทจัดงานแสดงโชว์แล้ว ก็ต้องนึกถึง “อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์” หนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดแสดงโชว์ของประเทศไทย
นายฮิวจ์ เอ็ม โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) อาร์เอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ กล่าวว่าการศึกษางานวิจัยของบริษัทวิจัยชื่อ Research Dive เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไมซ์ทั่วโลกพบว่า ตัวเลขภาพรวมอุตสาหกรรมไมซ์ทั่วโลกในปี 2563 อยู่ที่ หนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 5.9% ต่อปี และคาดว่าในช่วงปี 2564 – 2571 อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ จะทะยานสู่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจัยขับเคลื่อนด้านการทำงานร่วมกันระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจและเทคโนโลยี ที่ช่วยให้การติดต่อประสานงานเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
ด้านภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในช่วงเวลาเดียวกัน จะมีอัตราการเติบโตต่อปีประมาณ 7% หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณห้าแสนล้านดอลลาร์ จากปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการ ทั้งการเติบโตของระบบสาธารณูปโภค และการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการยื่นขอวีซ่าที่สะดวกและง่ายขึ้น ทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น ขณะที่ประเทศจีนที่เคยเป็นตลาดใหญ่ แม้ ปัจจุบันยังไม่ผ่อนคลายมาตรการโควิด แต่คาดว่าจะสามารถเปิดประเทศได้ในอีกไม่นานนี้เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไม่หยุดชะงัก
สำหรับทิศทางและอนาคตของอุตสาหกรรมไมซ์ในตลาดโลกและในไทยนั้น นายฮิวจ์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ต่างจากทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งอาร์เอ็กซ์ไม่เพียงดูแลพนักงานทั้งด้านสุขภาพและผลักดันทิศทางการทำงานที่มุ่งสู่โลกดิจิทัล แต่จากประสบการณ์ที่บริษัทแม่ของอาร์เอ็กซ์ ซึ่งคือบริษัท เรเล็กซ์ (RELX) ทำงานด้านข้อมูลและเทคโนโลยีมายาวนาน พบว่าสามารถนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้กับอาร์เอ็กซ์ได้และมีหลายเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้งานจริงแล้ว อาทิ เทคโนโลยีการเก็บข้อมูล ทั้งการสแกนเก็บข้อมูลคนที่มาชมงาน และเทคโนโลยีการจับคู่ทางธุรกิจเพื่อใช้ประโยชน์ในการแนะนำผู้แสดงสินค้าที่ตรงกับความสนใจของเขาได้ เป็นต้น
“ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความปลอดภัย และมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้กรุงเทพฯ เหมาะที่จะเป็นสถานที่สำหรับจัดงานแสดงโชว์ต่าง ๆ ซึ่งเอื้อให้อุตสาหกรรมไมซ์เติบโตขึ้นได้ เหมือนกับอีกหลาย ๆ เมืองใหญ่ที่สามารถทำตลาดงานโชว์ได้ดี เช่น เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส หรือลาสเวกัส เป็นต้น กล่าวได้ว่า งานแสดงสินค้า เป็นปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์เติบโตได้เร็วที่สุด” นายฮิวจ์กล่าวเสริม
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงและเป็นตลาดที่มีทิศทางการเติบโตที่ดีบุคลากรในไทยก็มีความสามารถซึ่งยังมีหลายอุตสาหกรรมที่อาร์เอ็กซ์ เทรดเด็กซ์ ยังไม่ได้เข้าไปจัดงาน เช่น งานด้านปัญญาประดิษฐ์ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ฯลฯ โดยเชื่อมั่นว่าความแข็งแกร่งของอาร์เอ็กซ์ที่มีเครือข่ายงานแสดงสินค้าทั่วโลกและประสบการณ์ยาวนานจะช่วยให้นำงานใหม่ ๆมาจัดแสดงในไทยได้อย่างไม่ยากแต่สิ่งที่ท้าทายคือการโปรโมทงานที่ถูกจัดขึ้นใหม่ที่ต้องใช้ระยะเวลากว่าจะได้รับการยอมรับก็อาจจะต้องได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่าย ฟูมฟักงานใหม่ให้เติบโตได้
สำหรับมุมมองเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีกับธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้านายฮิวจ์ให้ความเห็นว่า อนาคตการจัดงานแสดงโชว์จะไม่ได้วัดผลที่จำนวนคนเข้าร่วมงาน แต่วัดที่คุณภาพของธุรกิจที่เกิดขึ้นในงานมากกว่า เนื่องจากมีเทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยให้สามารถชมงานทางออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่งานด้วยตนเอง เป็นการช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางและประหยัดค่าเดินทางเช่นระบบการชมงานเสมือนจริง ซึ่งอาร์เอ็กซ์กำลังทดลองใช้ในต่างประเทศ เช่น การส่งหุ่นยนต์มาชมงานและเก็บข้อมูลแทนคนจริงๆ เป็นต้น
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการลดคาร์บอนก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับอาร์เอ็กซ์เช่นกัน ซึ่งบริษัทฯ ก็ได้มีการรณรงค์เรื่องนี้ทั่วโลก แต่ต้องการให้เป็น Net Zero ภายในปี 2583 ซึ่งงานแสดงสินค้าก็สามารถร่วมลดคาร์บอนได้เช่นกัน “ลองคิดดูว่า หากในงานแสดงสินค้ามีการเจรจาธุรกิจกัน 1,000 คู่ ภายในงานเพียงสี่วัน นั่นคือการลดการเดินทางเพื่อไปเจรจาธุรกิจตามสถานที่ต่างๆ เป็นการช่วยลดคาร์บอนจากการเดินทางเหล่านั้นได้แล้ว”
“การเข้ามารับตำแหน่งที่อาร์เอ็กซ์ในช่วงต้นปี 2563 ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด เปิดโอกาสให้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย และสามารถนำมาปรับใช้กับการบริหารงานในอนาคตได้ ทำให้รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างหากเกิดเหตุการณ์ท้าทายอื่นขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ประกอบกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ จะทำให้งานของเราเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายฮิวจ์กล่าวสรุป