‘บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย’ หรือ JKN โชว์เส้นทางความสำเร็จสู่ผู้นำอุตสาหกรรมจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในอาเซียน พร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากธุรกิจมาเสริมสร้างความสำเร็จให้กลุ่มธุรกิจ Commerce นำองค์กรก้าวสู่ Content Commerce Company ประกาศแผนลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของ JKN ด้วยการเข้าซื้อกิจการช่อง NEW18 เปลี่ยนชื่อเป็น JKN18 ปั้นโมเดลธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และชูกลยุทธ์ ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ สร้างกระแสผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรสกัดผสมวิตามิน พร้อมก้าวสู่ผู้นำเทรนด์พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชง วางเป้าหมาย 3 ปี ผลักดันรายได้เติบโตสู่ 5,000 ล้านบาท
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของ JKN ได้มุ่งสร้างความเข้มแข็งกลุ่ม Content จากจุดแข็งที่เป็นผู้ได้รับสิทธิ์แบบ Output Deal ทำให้ JKN เลือกสรรคอนเทนต์จากแบรนด์ดังระดับโลกที่ดีที่สุดเป็นเจ้าแรกให้กลุ่มผู้ชมชาวไทยและในภูมิภาคอาเซียน เพื่อจำหน่ายคอนเทนต์ให้แก่ลูกค้าทีวีดาวเทียม ทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ นอกจากนี้ JKN ยังเป็นตัวแทนนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากผู้ผลิตคนไทยไปเผยแพร่ยังต่างประเทศ ส่งผลให้ JKN เป็นผู้นำอุตสาหกรรมจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากความเชี่ยวชาญของคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์และประสบการณ์ดำเนินธุรกิจสถานีทีวีดาวเทียมและเคเบิลทีวีมาอย่างยาวนาน ทำให้ JKN มีองค์ความรู้ในการคัดเลือกลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่โดนใจผู้ชมรวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาด ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ ที่สามารถสร้างกระแสคอนเทนต์และความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าในการนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์จาก JKN เพื่อสร้างเรตติ้งให้แก่ทางสถานีได้อย่างต่อเนื่อง
“เรามีประสบการณ์ด้านคอนเทนต์และธุรกิจทีวีดาวเทียมมายาวนาน จากกระแสคอนเทนต์ซีรีส์เกาหลีที่ทำให้แจ้งเกิดกระแส “ซีรีส์ฟีเวอร์”ในเมืองไทย ก่อนขยายกระแสฮิตมาสู่ซีรีส์อินเดียและฟิลิปปินส์ และเมื่อเราได้เข้าเป็นสมาชิกในตลาดทุน เอ็ม เอ ไอ ทำให้ JKN เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ในฐานะที่เป็นบริษัท Content Company ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่ง JKN ได้ย้ายจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มาสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันและรายย่อย สามารถลงทุนเพื่อร่วมเติบโตไปกับบริษัทฯ” คุณแอน-จักรพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ก้าวต่อไปของ JKN คือ สร้างการเติบโตแก่องค์กรอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น จากการผลักดันองค์กรไปสู่ Content Commerce Company โดยขยายธุรกิจไปยังสินค้าอุปโภคบริโภค (ธุรกิจ Commerce) ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อการสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่บริษัทฯ จากการนำโมเดลความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจ Content มาต่อยอดสร้างความเข้มแข็ง แก่ธุรกิจ Commerce ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ภายใต้แบรนด์ Olig Fiber (โอลิก ไฟเบอร์), V-Allin (วี ออลิน), Hair now (แฮร์นาว), Instinct (อินสติงท์) และ C-TRIA by Anne JKN (ซีเทรีย) ผ่านกลยุทธ์ ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ โดยใช้ดาราศิลปินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์กระตุ้นการใช้และซื้อสินค้าเพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงพัฒนาเครื่องดื่มสมุนไพรสกัดผสมวิตามิน ภายใต้แบรนด์ Cupid (คิวปิด) ได้แก่ Dragon X (ดราก้อน เอ็กซ์) และ Tiger X (ไทเกอร์ เอ็กซ์) ที่เตรียมออกวางจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคภายในเดือนนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่อยู่ในกระแสผู้บริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมมาจากสารสกัดของกัญชง มากกว่า 10 รายการ จากความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง DOD พร้อมกับเปิดกว้างพันธมิตรรายอื่น ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชงเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ดีที่สุด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN กล่าวว่า ส่วนการเข้าซื้อกิจการ บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ จำกัด เพื่อเข้าบริหารทีวีดิจิทัลช่อง NEW18 ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็น JKN18 ถือเป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญของ JKN ที่ผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ Content Commerce Company อย่างเต็มตัว พร้อมขยายฐานผู้ชมจากทีวีดาวเทียมไปสู่ทีวีดิจิทัลและผลักดันการเติบโตกลุ่มธุรกิจ Commerce โดยนำจุดแข็งด้านการผลิตคอนเทนต์รายการ ไม่ว่าจะเป็นรายการข่าวที่นำเสนอประเด็นร้อนผ่านมีพิธีกรชื่อดังให้แก่ผู้ชมตลอดทั้งวัน และรายการคอนเทนต์ซีรีส์ดังที่จะมาสร้างความบันเทิงมาสร้างเรตติ้งให้แก่ช่อง JKN18 และใช้เป็นช่องทางสื่อสารถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์และจำหน่ายไปยังกลุ่มผู้ชมโดยตรง หรือ D2C ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้ JKN มีช่องทางการขายที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นทั้งช่องทางออนไลน์และช่องทางออฟไลน์ สอดรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคยุค New Normal ได้อย่างแท้จริง
“เรามีศักยภาพและพร้อมรุกทำตลาด Commerce จากการมีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และช่อง JKN18 ที่ต่อยอดในด้านการเป็นเครื่องมือทางด้านการตลาดและช่องทางขายไปยังผู้บริโภคโดยตรง มาผนวกกลยุทธ์การตลาดซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง ทำให้เรามั่นใจว่าธุรกิจ Commerce จะเป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้แก่กลุ่ม JKN” คุณแอน-จักรพงษ์ กล่าว
คุณธีรภัทร์ เพ็ชรโปรี รองกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี JKN กล่าวว่า บริษัทฯ ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 1,100 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ จำกัด โดยใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดจำนวนไม่เกิน 450 ล้านบาท สินเชื่อจากสถาบันการเงินอีก 450 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการผ่อนชำระอีก 36 งวด ซึ่งภายหลังเข้าซื้อกิจการ บริษัทฯ จะนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของบุคลากรของ JKN ที่มีธุรกิจคอนเทนต์ที่แข็งแกร่ง เข้าไปเพิ่มศักยภาพการผลิตรายการข่าวให้น่าสนใจเพื่อสร้างเรตติ้งที่ดีให้แก่สถานี โดยมีเป้าหมายเรตติ้งติดอันดับท็อปเทน
ทั้งนี้ การเข้าบริหารช่อง JKN18 ได้ช่วยสนับสนุนธุรกิจ Commerce ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างให้เข้ามาอยู่ภายใต้กลุ่ม JKN ให้เติบโตทั้งด้านยอดขาย และการสร้างอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ดี ส่งผลให้ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยของกลุ่ม JKN เพิ่มเป็นมากกว่า 50% และยังช่วยสนับสนุนในเชิงกลยุทธ์การเติบโตระยะยาวของบริษัทฯ ที่วางเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้าจะมีรายได้แตะ 5,000 ล้านบาท หรือเติบโตเท่าตัว จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ Content ประมาณ 2,000 ล้านบาท และธุรกิจ Commerce อีก 500 ล้านบาท