ตลาดกาแฟสเปเชียลตี้นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความพิถีพิถันในการเลือกดื่มกาแฟกันมากขึ้น โดยหลังจากที่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ประกาศเข้าซื้อกิจการแบรนด์ “Coffee World” เพื่อนำมาพัฒนาต่อโดยการยกระดับให้เป็นร้านกาแฟพรีเมียม และทุ่มกว่า 10 ล้านบาท เปิดตัว “Coffee World” โฉมใหม่ที่แรกในแฟล็กชิพสโตร์ PT Max Park Salaya ซึ่งยังคงตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเดิมด้วยกลุ่มเมนูเครื่องดื่มและเบเกอรี่ยอดนิยมของ “Coffee World” พร้อมขยายฐานจับกลุ่มลูกค้าใหม่ด้วยการเปิดสโลว์บาร์เพื่อคอกาแฟสเปเชียลตี้โดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุด “Coffee World” ได้ใช้กลยุทธ์ทุ่มเงินประมูลเมล็ดกาแฟพรีเมียมอันดับ 1 ของไทยประจำปี 2565 ถึง 935,082 บาท เพื่อให้ได้สิทธิ์การจำหน่ายเฉพาะที่ “Coffee World” เท่านั้น
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า “ตลาดกาแฟเป็นตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในตลาดแมสและพรีเมียม และแม้เราจะเป็นรายใหญ่แต่ก็ยังต้องปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนและมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยหนึ่งในธุรกิจนอนออยล์ (Non-Oil) ของเราที่เติบโตได้ดีในตลาดแมสนั้นย่อมไม่เพียงพอที่จะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในสภาวะที่วัฒนธรรมการดื่มกาแฟมีความหลากหลายยิ่งขึ้น เราจึงตั้งใจที่จะยกระดับอีกแบรนด์ในเครืออย่าง Coffee World ด้วยการเพิ่มบริการด้านกาแฟสเปเชียลตี้เข้าไป รวมถึงการปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมดให้เป็นร้านกาแฟพรีเมียม อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้กับพื้นที่ที่อยู่นอกสถานีบริการน้ำมัน PT ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า สนามบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
ปัจจุบัน “Coffee World” มีทั้งหมด 22 สาขาในประเทศไทย โดยเป็นของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG จำนวน 16 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 6 สาขา โดยบริษัทมีแผนปรับโฉมสาขาในเครือทั้ง 16 สาขาให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 พร้อมเล็งเปิดเพิ่มอีก 7 สาขา นอกจากนี้ “Coffee World” ยังมีแฟรนไชส์ให้บริการในพื้นที่ต่างประเทศอีก 5 สาขาด้วยกัน
สำหรับ “Coffee World” โฉมใหม่จะมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปในทิศทางที่มีความทันสมัยและพรีเมียมมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าที่มีความโดดเด่นในเรื่องของรสชาติจากเมล็ดกาแฟคุณภาพ ด้วยการคัดสรรเมล็ดกาแฟชั้นดีที่มีชื่อเสียงและหาดื่มยากมาจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น มูนสโตน, ปานามา, เกอิชา และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงการออกแบบภายในร้านที่มีความโมเดิร์น และพนักงานที่ได้รับการฝึกฝนมาจนเชี่ยวชาญในเรื่องของกาแฟ เพื่อให้ “Coffee World” สามารถลงแข่งในตลาดร้านกาแฟพรีเมียมได้
โดยล่าสุด “Coffee World” ได้ใช้กลยุทธ์ทุ่มเงินประมูลเมล็ดกาแฟพรีเมียมถึง 935,082 บาท จาก ‘สุดยอดเมล็ดกาแฟพิเศษไทย ประจำปี 2565’ เพื่อให้ได้สิทธิ์การจำหน่ายเมล็ดกาแฟเฉพาะที่ “Coffee World” เท่านั้น โดยประกอบไปด้วยเมล็ดกาแฟที่ผ่านกรรมวิธีการผลิต 2 รูปแบบ ได้แก่ เมล็ดกาแฟแบบ Washed Process อันดับ 1 กิโลกรัมละ 18,510 บาท จาก Sopa’s Estate โดยความพิเศษของเมล็ดกาแฟตัวนี้คือจะเก็บในช่วงข้างขึ้นของวันพระจันทร์เต็มดวง คัดเมล็ดที่สุกร้อยเปอร์เซ็นต์ หมักเพียง 24 ชั่วโมง และเลือกต้นกาแฟที่มีช่วงอายุ 8-12 ปีเท่านั้น ซึ่งกลิ่นและรสชาติจะให้โทนไปในทางคล้ายกลิ่นดอกไม้สีขาว (White Floral) ให้ความรู้สึกสดชื่นหลังดื่ม และเมล็ดแบบ Honey Process อันดับ 1 กิโลกรัมละ 12,020 บาทจากสวนกาแฟพอใจ บ้านดอยช้าง โดดเด่นด้านกรรมวิธีในการผลิตจากการคัดเลือกเมล็ดกาแฟผลเชอร์รี่สีเหลืองที่สมบูรณ์ที่สุดมาล้างให้สะอาดแล้วหมักแบบ Anaerobic (กระบวนการหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจน) 3 คืน ระหว่างนั้นวัดค่า pH ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยควบคุมเรื่องความสะอาดและคงรสชาติของกาแฟให้ใกล้เคียงกับรสธรรมชาติไว้ให้ได้มากที่สุด สำหรับกลิ่นและรสชาติจะไปในโทนของกลิ่นดอกไม้ (Red-Yellow Floral)
พบกับ “Coffee World” โฉมใหม่ได้แล้ววันนี้ที่ PT Max Park Salaya โดยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 20.00 น. และเตรียมพบกับสาขาใหม่ได้เร็วๆ นี้