TROPICANA เฉาะมะพร้าว ฉีกน้ำมันสกัดเย็น เข็นจนเป็นเครื่องสำอางไทยเกรดส่งออก

บางสิ่งไม่ได้มีคุณค่าในมิติเดียว บางคนสามารถตกผลึกจนมองเห็นมูลค่ามหาศาลที่ซ่อนอยู่ ภายใต้โจทย์ “มะพร้าว 1 ลูก” ที่นอกจากน้ำมะพร้าวจะใช้กิน และเนื้อมะพร้าวจะใช้ทำกะทิแล้ว สำหรับ บริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จํากัด กลับแตกไลน์สินค้าจากมะพร้าวออกมาเป็น 3 หมวดใหญ่ ภายใต้สินค้าร่วม 100 ชนิด หนึ่งในนั้นคือการต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ฮีโร่โปรดักต์ “TROPICANA น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิก” จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่สามารถรุกตลาดส่งออก เพื่อเตรียมเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแบบครบองค์

Photo: tropicanaoil.com

กลิ้งไปมาดั่งลูกมะพร้าว

จุดเริ่มต้นของ TROPICANA เริ่มต้นจากคุณสุรเดช นิลเอก กรรมการผู้จัดการบริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จํากัด ที่มีประวัติน่าสนใจ หลังจากที่เคยจับทางธุรกิจผลิตพื้นรองเท้าส่งออก แต่กลับเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจจากพิษสงคราวอ่าวเปอร์เซีย ทำส่งออกสินค้าไปสู่อเมริกาได้อย่างจำกัดจนทำเป็นหนี้ในหลักสิบล้าน เขาพยายามพลิกวิกฤตินี้ด้วยสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดอย่าง “มะพร้าว” เนื่องด้วยพื้นเพเดิมเป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งมีสวนมะพร้าวลุ่มแม่น้ำตาปี ที่มีคุณภาพจำนวนมาก

“ตอนที่ยังเด็กมะพร้าวลูกละบาท แต่น้ำมันเบนซินลิตรละ 2 บาท แต่วันหนึ่งน้ำมันเบนซินขึ้นเป็นลิตรละ 10 บาท ขณะที่มะพร้าวก็ยังลูกละบาท” นั่นคือจุดเริ่มต้นแนวคิดที่คุณสุรเดชลุกขึ้นมาเพื่อสร้างมูลค่าให้กับมะพร้าว โดยเลือกจับทางสินค้าอย่างน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเป็นอันดับแรก

Photo: tropicanaoil.com

กระโดดลงสนามเครื่องสำอาง

ในเรื่องคุณภาพปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์ TROPICANA เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิกเบอร์ต้นๆ ของประเทศ แต่แบรนด์ไม่หยุดนิ่งพยายามแตกไลน์สินค้าร่วม 100 รายการ ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ Tropicana และ Kalapa ซึ่งเน้นเจาะตลาดกลุ่มพรีเมียม รวมถึง Rain Shine ที่เป็นสินค้ากลุ่มอาหารอย่างน้ำมันมะพร้าวหรือแป้งมะพร้าว

Photo: tropicanaoil.com

คุณณัฐณัย นิลเอก ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จำกัด ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ได้นำองค์ความรู้จากสำเร็จการศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางมาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเล็งเห็นว่าแต่เดิมธุรกิจน้ำมันมะพร้าวมีศักยภาพเติบโตในตลาดอย่างแข็งแกร่ง แต่ปัจจุบันมีผู้เล่นเข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหญ่ในระดับองค์กรหรือธุรกิจ SMEs ก็ตาม แบรนด์จึงสร้างจุดแตกต่างจากคู่แข่งด้วยกระโดดลงสนามเครื่องสำอาง ซึ่งปัจจุบันคิดสัดส่วนยอดขายน้ำมันมะพร้าวประมาณ 60% และเครื่องสำอางประมาณ 40% โดยประกอบไปด้วยเครื่องสำอางทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เส้นผมและช่องปาก เป็นต้น

Photo: tropicanaoil.com

ซึ่งการต่อยอดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางครั้งนี้มาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนแพกเกจจิงให้ดูทันสมัย ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาแบรนด์ที่แต่เดิมมีเพียงกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุให้สามารถจับกลุ่มลูกค้าที่เด็กลงได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทุกผลิตภัณฑ์ยังคง Brand Essense หรือแก่นแท้ของแบรนด์ว่าจะต้องรังสรรค์ด้วยคุณค่าจากน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิกเท่านั้น

Photo: tropicanaoil.com

เหล่าผู้ที่ชื่นชอบมะพร้าว

ในเรื่องโมเดลการส่งออก ย้อนกลับมาดูเส้นทางของการส่งออกสินค้าน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งในช่วงแรกเริ่ม แบรนด์เน้นออกบูธสินค้าเป็นหลัก จากนั้นก็เริ่มวางขายในร้านค้าโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวที่นิยมซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ไปใช้ทาผิวก่อนอาบแดด จากนั้นก็โด่งดังในลักษณะปากต่อปาก นักท่องเที่ยวบางส่วนเริ่มซื้อกลับไปเป็นของฝากที่ต่างประเทศ และมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นนักธุรกิจจำนวนมากติดต่อเพื่อนำกลับไปขาย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดประตูการส่งออกของแบรนด์

Photo: tropicanaoil.com

แต่ถามว่ากำลังการส่งออกน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นอย่างเดียวสามารถต่อกรกับประเทศอื่นๆ ในแถบอาเซียนได้หรือไม่ ในแง่ของคุณภาพทำได้แน่นอน แต่ในแง่ของปัจจัยด้านราคาแบรนด์ไม่สามารถปิดรอยรั่วนี้ได้เนื่องจากคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือหากไกลกว่านั้นก็มีศรีลังกาที่สามารถคุมปัจจัยด้านราคาได้ถูกกว่า

แต่หากพิจารณาข้อมูลส่งออกของเครื่องสำอางไทยไปยังตลาดโลกของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกในปีนี้จะสูงถึง 5,051 ล้านบาท โดยประเทศที่เครื่องสำอางไทยส่งออกมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น เวียดนามและอินโดนีเซีย ตามลำดับ

Photo: tropicanaoil.com

รวมถึงเมื่อวิเคราะห์ในแคบลงในตลาดอาเซียน ข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ DITP เผยว่าในปี 2566 ที่ผ่านมาตลาดเครื่องสำอางไทยในอาเซียน มีมูลค่าสูงถึง 1,462 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 43.21% ของการส่งออกเครื่องสำอางไทยทั้งหมด

โดยประเทศในอาเซียนที่ไทยส่งออกเครื่องสำอางเป็นอันดับ 1 กลับกลายเป็นฟิลิปปินส์ซึ่งมีมูลค่า 287 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมาคือเวียดนามและเมียนมา และไทยกำลังมีศักยภาพสูงในการขยายการค้าไปสู่ประเทศอื่นๆ ในแถบอาเซียนอย่าง สปป.ลาว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น

Photo: tropicanaoil.com

บางทีเราอาจจะได้เห็นกลยุทธ์ “เอามะพร้าวห้าวส่งกลับไปขายสวน” ทั้งในฟิลิปปินส์และอินโดฯ ในรูปแบบเครื่องสำอางว่าจะไปสุดทางแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากน้ำมันมะพร้าวนับว่าโอกาสสำคัญที่ TROPICANA จะพิสูจน์ตัวเองในฐานะผู้นำในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในอนาคต ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกภายนอกประเทศ 30% และภายในประเทศ 70% โดยสามารถส่งออกได้ถึง 20 ประเทศ เน้นเจาะตลาดในประเทศญี่ปุ่น รัสเซียและออสเตรเลียตามลำดับ

Photo: tropicanaoil.com

บริษัท ทรอปิคานา ออยล์ จํากัด สามารถตีโจทย์วัตถุดิบใกล้ตัวเพื่อสร้างมูลค่าได้มหาศาล โดยพิสูจน์ได้ว่ามะพร้าว 1 ลูก บวกองค์ความรู้ สามารถผลักดันให้กลายเป็นสินค้าส่งออกไปเชิดหน้าชูตาในระดับสากล เตรียมประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่า “ผลิตภัณฑ์มะพร้าวไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก”

Words: Varichviralya Srisai

ข้อมูลจาก

you might like

Scroll to Top