กระแสกัญชง กัญชาที่คึกคักในประเทศไทย หลังจากรัฐบาลปลดล็อกให้กัญชาถูกกฎหมาย กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ที่บริษัทต่างๆ หันมาให้ความสนใจและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชาจำนวนมาก ซึ่งในต่างประเทศธุรกิจกัญชา ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่มีมูลค่าสูง คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึงหนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐในอีก 4 ปีข้างหน้า
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC คาดการณ์ว่าธุรกิจกัญชาทั่วโลกจะขยายตัว 33% ต่อปีต่อเนื่องจนถึงปี 2025 และมีมูลค่ากว่าหนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐ จากข้อมูล Prohibition Partnersและ Euromonitor International เปิดเผยให้เห็นแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจกัญชาถูกกฎหมายที่ใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่มูลค่าธุรกิจกัญชาที่ไม่ถูกกฎหมาย ก็มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนเหรียญสหรัฐแล้ว
ดังนั้นธุรกิจกัญชาที่ถูกกฎหมายจึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป รวมทั้งเอเชียได้ทยอยปลดล็อกกัญชาให้เป็นสิ่งถูกกฎหมายและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์เป็นหลัก ขณะที่บางประเทศอนุญาตให้ใช้ในเชิงสันทนาการได้ด้วย เช่น บางรัฐในอเมริกา เป็นต้น จึงยิ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจกัญชาโลกอีกมหาศาล
ข้อมูลล่าสุด ของ Prohibition Partners คาดการณ์ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า ตลาดกัญชาถูกกฎหมายที่มีมูลค่ามากที่สุด จะอยู่ที่ทวีปยุโรป มีมูลค่าประมาณ 39,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามด้วยทวีปอเมริกาเหนือและแคนาดา อยู่ที่ 37,900 ล้านเหรียญสหรัฐ และเอเชีย มีมูลค่า 12,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากการที่ประเทศต่างๆ ทยอยปลดล็อกให้กัญชาถูกกฎหมายและนำมาใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์
ปัจจุบัน มีประเทศแคนาดา และอุรุกวัย ที่เปิดให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย ส่วนในสหรัฐอเมริกายังอนุญาตเป็นบางรัฐ ซึ่งนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ มีนโยบายเปิดให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายในระดับประเทศเช่นเดียวกัน จากปัจจุบันมี 16 รัฐที่กฎหมายอนุญาตให้ใช้ทางการแพทย์และสันทนาการ ส่วนอีก 48 รัฐให้ใช้ทางการแพทย์ได้อย่างเดียว ล่าสุดประเทศเม็กซิโก เพิ่งผ่านร่างกฎหมายกัญชาเพื่อสันทนาการทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา และมีนโยบายมุ่งพัฒนาตลาดกัญชาให้ติดอันดับต้นๆ ของโลก
ฝั่งเอเชีย สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มมีการทดลองผลิตเพื่ออุตสาหกรรม และการแพทย์บางอย่าง โดยมณฑลยูนนานเป็นที่แรกที่ได้รับอนุญาตจากทางการจีนให้ปลูกกัญชงได้ในปี 2010 และอนุญาตให้ปลูกทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ส่วนไทยได้ปลดล็อกกัญชง กัญชา ออกจากบัญชียาเสพติดมีผลเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นชาติแรกของอาเซียน
สำหรับอุตสาหกรรมกัญชาเพื่อการแพทย์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง Grandview research เปิดเผยว่า ตลาดกัญชาเพื่อการแพทย์มีมูลค่า 11,400 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2015 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 17.1% จนถึงปี 2025 คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้กัญชาในการรักษาโรคต่างๆ เช่น อาการปวดเรื้อรัง ข้ออักเสบ ปวดศรีษะไมเกรน รวมถึงมะเร็ง เป็นต้น ส่งผลให้กองทุนที่ลงทุนในธุรกิจกัญชาเติบโตสูงสวนทางกับดัชนีหุ้นทั่วโลก จึงเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่จะลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกัญชาในขณะนี้
ดร.ชาญวุฒิ รุ่งแสงมนูญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวกองทุนเปิด MFC Global Cannabis Fund (เอ็มเอฟซี โกลบอล แคนนาบิส) หรือ ‘MCANN’ ถือเป็นกองทุนกัญชากองแรกของประเทศไทย ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการเข้าไปลงทุนในตราสารทุน หน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ มีนโยบายลงทุนในธุรกิจเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางกัญชา (Marijuana) หรือกัญชง (Hemp) ที่ถูกกฎหมาย
ทั้งนี้ จะเน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวกับการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ ทั้งด้านพัฒนายา (Pharmaceutical) และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) เช่น Global X Cannabis ETF(POTX) เป็นต้น โดยร้อยละ 97 จะเป็นการลงทุนธุรกิจกัญชาในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ
“บริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุนธุรกิจกัญชาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นหลัก ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง โดยในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมามี ราคากัญชาอยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตามแม้แนวโน้มราคาจะลดลงเฉลี่ยที่ 15 บาทต่อกรัมต่อปี เนื่องจากมีการผลิตมากขึ้น และมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แต่การทำในระดับอุตสาหกรรมการแพทย์ไม่ง่าย และยังมีโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ได้หลากหลาย จึงยังสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง” ดร.ชาญวุฒิกล่าว
รายงานด้านกัญชาโลก หรือ The Global Cannabis Report เปิดเผยว่า บริษัท Canopy Growth Crop ผู้ผลิตกัญชาจากแคนาดา กลายเป็นบริษัทกัญชาใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีมูลค่ากิจการราว 377,000 ล้านบาท ตามด้วยบริษัท Curaleaf Holdings สหรัฐอเมริกา มีมูลค่ากิจการราว 338,000 ล้านบาท และอันดับ 3 เป็นบริษัท Green Thumb Industries INC. สหรัฐอเมริกา มีมูลค่ากิจการราว 196,000 ล้านบาท
สำหรับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจกัญชาเหล่านี้ จะพัฒนากัญชาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์เป็นหลัก เพราะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้มหาศาล ซึ่งปัจจุบัน กระบวนการคิดค้น พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากกัญชา ยังหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ในผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจนี้ได้ในอนาคต
#กัญชา #การลงทุน #ธุรกิจกัญชา #กัญชาเสรี