ล็อกดาวน์เปลี่ยนชีวิต พฤติกรรมที่อาจจะอยู่กับเราไปอีกนาน

แม้การระบาดของโควิด-19 จะมีข่าวดีในเรื่องของวัคซีนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แต่จากการระบาดที่ยังคงมีความรุนแรงในหลายประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นว่าเราอาจจะไม่สามารถหลุดพ้นจากการระบาดครั้งใหญ่นี้ได้อย่างสมบูรณ์ และยังไม่มีจุดที่เราสามารถประกาศชัยชนะและกลับสู่ภาวะปกติเช่นเดิมได้ เนื่องจากการกลายพันธุ์ของไวรัสจนเกิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดลง

ชาร์ลส ซอเมอร์ส ผู้จัดการกองทุนจาก Schroders (ชโรเดอร์ส) เปิดเผยมุมมองที่เกิดจากผลกระทบของโควิด 19 ที่มีต่อพฤติกรรมผู้บริโภคบางอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร แม้สิ้นสุดการระบาดของโควิด19 แล้วก็ตาม

งานวิจัยทางวิชาการ How are habits formed: Modelling habit formation in the real world ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Social Psychology เมื่อเดือนตุลาคม 2553 ชี้ให้เห็นว่า คนเราอาจใช้เวลาถึง 254 วันในการสร้างนิสัยใหม่ และเนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้ผ่านการใช้ชีวิตท่ามกลางมาตรการคุมเข้มช่วงโควิด 19 มานานเกินกว่านั้นแล้ว จึงอาจด่วนสรุปได้ว่ากิจวัตรรูปแบบใหม่ที่ผ่านมานี้คงจะอยู่ติดตัวเราต่อไป

อย่างไรก็ตาม การสร้างนิสัยใหม่นั้นมีปัจจัยมากไปกว่าเพียงแค่การทำอะไรบางอย่างซ้ำๆ ในช่วงเวลาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ซึ่งรวมไปถึงวงจรของนิสัยหรือ “Habit loop” อีกด้วย ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ สิ่งรอบข้าง ตัวพฤติกรรมนั้นๆ และความพึงพอใจที่ได้รับ

ซอเมอร์ส กล่าวว่า เมื่อการแพร่ระบาดค่อยๆ หายไป แม้ว่าพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การเรียนหนังสือที่บ้าน คนจะเริ่มตระหนักว่า อาจจะง่ายกว่า แต่ก็จะยังรู้สึกพึงพอใจที่จะกลับไปทำพฤติกรรมที่คุ้นเคยเดิมๆ ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาด 

ทั้งนี้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปและมีความเป็นไปได้สูงว่าจะกลายเป็นนิสัยที่ทำต่อไปอย่างเหนียวแน่นถาวรในระยะยาว คือพฤติกรรมที่นำไปสู่ความพึงพอใจบางอย่าง ที่ไม่สามารถทดแทนได้แม้ว่ามาตรการเข้มงวดต่างๆ จะผ่อนคลายลง ตารางด้านล่างนี้คือมุมมองของเราเกี่ยวกับแนวโน้มสำคัญบางประการ

ซอเมอร์ส กล่าวว่า การวิเคราะห์พฤติกรรมหลังสิ้นสุดการระบาดของโควิด-19 จะทำให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์และคัดเลือกการลงทุนในกลุ่มธุรกิจ หรือบริษัท ที่จะได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร และช่วยให้หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการคัดเลือกบริษัทที่จะได้รับประโยชน์จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเพียงขั่วคราวในช่วงการระบาดเท่านั้น

ตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งคือกลุ่มธุรกิจรองเท้าผ้าใบและชุดกีฬา เนื่องจากแบรนด์เหล่านี้เคยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตัวเองผ่านร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม แต่ในช่วงหลายปีมานี้ แบรนด์ต่างๆ มุ่งสร้างร้านค้าและช่องทางอีคอมเมิร์ซเป็นของตัวเอง และพัฒนาระบบนิเวศภายในแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อหวังดึงดูดลูกค้าจากร้านค้าปลีกดั้งเดิม ซึ่งแม้ว่าจะมีต้นทุนสูงและฉุดรั้งความสามารถในการทำกำไร แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ลูกค้าจำนวนมากหันไปใช้ซื้อของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร จึงคาดการณ์ได้ว่าความสามารถในการทำกำไรและผลตอบแทนของบริษัทเหล่านี้น่าจะยังคงเติบโตได้ดีขึ้น

ในทางกลับกัน การรุกคืบของธุรกิจขายของชำบนอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นก็สร้างความน่าวิตกแก่ผู้จำหน่ายอาหารแบบค้าปลีกดั้งเดิม จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับธุรกิจเหล่านี้ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้ว่าในตอนนี้ถึงแม้จะยังมีผู้บริโภคบางรายที่นิยมการเลือกซื้อสินค้าอาหารด้วยตัวเองอยู่ก็ตาม (โดยเฉพาะอาหารสด) แต่คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าความสะดวกสบายของการซื้อของผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซจะเป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่การได้รับความพึงพอใจ และสะดวกสบายที่ดีกว่าเดิม เป็นต้น

#ล็อกดาวน์ #โควิด19 #Covid

you might like

Scroll to Top