เทรนด์สมูทตี้แรงไม่ตก ควรกินแบบไหน เวลาใดให้สุขภาพดีขึ้นถึง 70%+

กระแสสมูทตี้ทั่วโลกและไทยแลนด์ยังแรงดีไม่มีตก ยืนยันได้จากร้านสมูทตี้เปิดใหม่มากมาย มีให้เลือกทุกราคา ตั้งแต่ Erewhon สมูทตี้ดาราที่แก้วละพันก็มีคนซื้อ พลอยทำให้ Plantiful ในเมืองไทยกลายเป็นฮับสายน้ำปั่นเฮลตี้ในเมืองไทย (ที่ราคาแรงไม่แพ้กัน) ไหนจะสมูทตี้สีฟ้าของ Oh! Juice และสมูทตี้ซูเปอร์ฟู้ดของ VE/LA

แต่น้ำปั่นเฮลตี้นั้นดีต่อสุขภาพจริงหรือ จุดนี้อยู่ที่ส่วนผสมและช่วงเวลาในการดื่มสมูทตี้ ถ้าเลือกให้ได้ งานนี้เอาไปเลย สุขภาพดีขึ้น 70%+

ตลาดอาหารสุขภาพใหญ่แค่ไหน? ตามรายงานของ Technavio คาดการณ์ว่า ตลาดอาหารสุขภาพทั่วโลกจะมีมูลค่า 541.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18 ล้านล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 9.27% ในระหว่างปี 2024 – 2028

ตลาดอาหารสุขภาพเติบโตเร็วจี๋ เนื่องจากผู้บริโภคยกสุขภาพให้เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของชีวิตกันมากขึ้น หลังจากเจอวิกฤตด้านสภาพอากาศที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น PM 2.5 โควิด และโรคระบาดต่างๆ จึงมองหาการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ผ่านการเลือกกินอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านซึมเศร้า เยียวยาร่างกายและจิตใจ เพราะเชื่อว่า ‘กินอาหารเป็นยา ดีกว่ากินยาเป็นอาหาร’

แทนที่จะกินเมนูเดิมๆ อย่างซุปผัก สลัดผลไม้ สายเฮลตี้คิดค้นเมนูใหม่ๆ ให้กินง่ายดื่มคล่อง และอะไรจะกลืนได้ลื่นคอได้สมชื่อ ‘สมูทตี้’ (smoothie)

Ocean N Earth จาก Oh! Juice ใส่อะโวคาโด มะพร้าวน้ำหอม กล้วย สับปะรด นมอัลมอนด์ เนยอัลมอนด์ pure collagen พร้อม Bluemajik สารสกัดจากสาหร่ายสไปรูรินา และ coconut cream signature

Photo: FB Ohjuice.thailand

อาหารยอดคุณแห่งยุคอย่างสมูทตี้ อุดมไปด้วยส่วนผสมดีต่อสุขภาพ ทั้งผัก ผลไม้ และอาหารซูเปอร์ฟู้ดต่างๆ ที่สายรักสุขภาพมีติดบ้านกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเคล กล้วยหอม นมอัลมอนด์ อินทผาลัม เบอร์รี่ อะโวคาโด โยเกิร์ต ส้มยูสุ ฯลฯ

แต่! อาหารเฮลตี้ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพเสมอไป หากกินผิดเวลาหรือผิดลำดับ นั่นกลับจะกร่อนเซาะบ่อนทำลายสุขภาพไปเสียได้

กินอาหารตามลำดับ สุขภาพดีขึ้น 73%

Alpana P. Shukla จาก Weill Cornell Medicine ทำการทดลองจริงในปี 2015 โดยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลอง ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลินออกเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มแรก มีเงื่อนไขว่าต้องกินอาหารตามลำดับก่อน-หลัง ดังนี้ เริ่มจากสลัด ไก่อบ ขนมปังโฮลวีต และปิดท้ายด้วยน้ำส้มคั้น

กลุ่มที่สอง เลือกกินอะไรก็ได้ตามชอบ ไม่ต้องเรียงลำดับอาหาร

หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว จึงวัดระดับน้ำตาลในเลือดของทั้ง 2 กลุ่ม

กลุ่มแรก ซึ่งกินอาหารเรียงลำดับพบว่า Blood Sugar Spike หรือระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดลงถึง 73%

กลุ่มที่สอง กินอะไรก่อน-หลังโดยไม่ต้องเรียงลำดับพบว่า ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นำมาซึ่งข้อสรุปที่ว่า การกินอาหารตามลำดับส่งผลให้สุขภาพดีขึ้นได้ถึง 73%

 

Giselderberry Smoothie น้ำปั่นสูตร Gisele Bündchen ใส่เนื้อมะพร้าว กล้วย อาซาอิเบอร์รี่ ผลอินทผาลัมสายพันธุ์เมดจูล วนิลาคอลลาเจน ผงโปรตีนรสวนิลา ผงลูคูมา และไซรัปเอลเดอร์เบอร์รี่

Photo: IG@Erewhon

สูตรการกินอาหารตามลำดับ มีดังนี้
  1. ไฟเบอร์ – อาหารที่มีกากใย เช่น ผักต่างๆ
  2. โปรตีน – อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วต่างๆ
  3. ไขมัน
  4. กลูโคส – อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น ขนมปัง ข้าว ผลไม้

เหตุผลที่ต้องกินผักเป็นอย่างแรก เพราะในผักอุดมไปด้วยกากใย ซึ่งจะเข้าไปเคลือบผนังลำไส้เล็กตอนต้น เป็นเสมือนตาข่ายสกัดกลูโคสไม่ให้ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรงและเร็วเกินไปนัก จึงป้องกันไม่ให้เกิดอาการน้ำตาลพุ่ง Blood Sugar Spike

แต่หากกิน(น้ำปั่นผสม)ผลไม้ ซึ่งมีกลูโคสตามธรรมชาติอยู่แล้วเข้าไปก่อน (คือกินตอนท้องว่าง) จะทำให้ตับอ่อนต้องผลิตอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติ เมื่อตับอ่อนทำงานหนัก ระดับอินซูลินขึ้นลงบ่อยครั้งเข้า จะทำให้รู้สึกหิวง่าย จึงต้องกินบ่อยขึ้น ซึ่งหากกิน(น้ำปั่น)ผลไม้ซึ่งเชื่อว่าดีต่อสุขภาพเข้าไปอีก ก็ยิ่งทำให้ตับอ่อนยิ่งทำงานหนัก ในระยะยาวจะไปทำลายสมอง เสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม

Glow Berry Boost Smoothie สมูทตี้ตัวดังจาก Plantiful ระดมส่วนผสมถึง 15 ชนิด อาทิ Plantogenic Le Ruby Glow Skin & Blood Detox สตรอว์เบอร์รี่ โยเกิร์ตมะพร้าว อินทผาลัม น้ำบีต นมโอ๊ต

Photo: FB Plantiful

แล้วการกินอาหารตามลำดับเกี่ยวกับสมูทตี้อย่างไร

ส่วนผสมในสมูทตี้ไม่มีอะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่อยู่ที่ว่าจะกินสมูทตี้ที่ผสมอะไรบ้าง และกินตอนไหน หากอ้างอิงจากผลการทดลองข้างต้น สายเฮลตี้จึงควรบริโภคสมูทตี้ผักตอนท้องว่าง หรือกินก่อนอาหารอื่นๆ โดยส่วนผสมต้องไม่มีผลไม้ นม ถั่ว ไซรัป น้ำตาล น้ำผึ้ง กล่าวคือต้องเป็นผักล้วนๆ ไม่เจือปนวัตถุดิบอื่นๆ

แต่หากอยากกินสมูทตี้สูตรอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของผลไม้ ให้เลื่อนไปกินเป็นลำดับสุดท้ายของมื้อ หลังจากกินผัก เนื้อสัตว์ ถั่ว อาหาร plant-based และไขมันเข้าไปแล้ว เนื่องจากผลไม้มีกลูโคสอยู่มากนั่นเอง

กลูโคสมาจากภาษากรีก แปลว่า ‘หวาน’ เป็นชนิดของน้ำตาลขนาดเล็กโมเลกุลเดี่ยว ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้งาน หรือเผาผลาญเพื่อให้เกิดเป็นพลังงานในร่างกาย ขนาดของกลูโคสนั้นเล็กมากจนสามารถผ่านเข้าสู่เยื่อหุ้มเซลล์ได้อย่างง่ายดาย ทำให้เซลล์สามารถรับกลูโคสและนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว กลูโคสจึงเป็นน้ำตาลชนิดที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้เร็วที่สุด หากกินกลูโคสตอนท้องว่างจะทำให้มีน้ำตาลเพิ่มในเลือดค่อนข้างเร็ว

มีคำแนะนำมากมายที่บอกว่า เวลาที่ดีที่สุดที่ควรดื่มสมูทตี้คือตอนเช้าในขณะท้องว่าง ซึ่งก็จริงตามนั้น แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นสมูทตี้ผักล้วน ไม่ผสมผลไม้ นม น้ำผึ้ง หรืออาหารที่ให้รสหวานอื่นๆ

ดังนั้น สมูทตี้ที่จริงใจซึ่งให้ซูเปอร์ฟู้ดมาแบบจุกๆ เต็มแก้วจะให้ประโยชน์สูงสุดได้อย่างแท้จริง หากจัดลำดับการกินให้ถูกต้อง เท่านี้ก็รับไปเลย สุขภาพที่ดีขึ้น 73%

Blended Matchaberry จาก VE/LA ใส่มัตจะ สตรอว์เบอร์รี่ วนิลา นมโอ๊ต ต้นอ่อนข้าวสาลี ต้นอ่อนข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ

Photo: ve/la

Words: Sritala Supapong

ข้อมูลจาก

you might like

Scroll to Top