เมื่อแฟนคลับขอกำลังในช่วงเวลาที่ผ่านไปได้ยาก ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้วบอกทันทีว่า “อย่าบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ ผมเชื่อในกฎ 40%”
กฎ 40% ที่ไมกี้พูดถึงและยึดถือคืออะไร The Optimized พาไปทำความรู้จัก เผื่อเติมไฟในช่วงยากๆ บ้าง
https://x.com/bellacollect_/status/1850112224293261351
Jesse Itzler เป็นแรปเปอร์ นักวิ่งมาราธอน นักธุรกิจเจ้าของบริษัทให้เช่าเครื่องบินเจ็ทใหญ่ที่สุดในโลก Marquis Jet ที่ไปได้ดีจัดจน Warren Buffet มาซื้อกิจการ เป็นหุ้นส่วนทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ Atlanta Hawks และเป็นนักเขียนหนังสือขายดี Living with a SEAL: 31 Days Training with the Toughest Man on the Planet
Photo: amazon.com
ที่มาของหนังสือเล่มนี้ก็มาจากนิสัยชอบลองอะไรแปลกใหม่ของเจสซี เมื่อวันหนึ่งในปี 2010 เขาอยากฝึกฝนความคิดจิตใจให้แข็งแกร่งขั้นสุด เพื่อให้ตัวเองฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ของชีวิตได้
เจนซีจึงเชิญเนวีซีลให้มาพักอยู่ที่บ้านเขา 1 เดือน เป็นเพราะซีลคือหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม เป็นหน่วยปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือที่ฝึกหนักที่สุดในบรรดาหน่วยรบพิเศษของทุกเหล่าทัพ จนมีความชำนาญสามารถปฏิบัติการได้ทั้งทางบก น้ำและทะเล ตามที่มาของชื่อ SEAL SE = Sea, A = Air และ L = Land
เจสซีไม่ได้เชิญหน่วยซีลที่ไหนมาก็ได้ แต่เจาะจงเชิญ David Goggins ผู้ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่ถึกอดทนที่สุดในคนหนึ่งของโลก เดวิดสร้างสถิติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนที่ดึงข้อหรือ pull up ใน 24 ชั่วโมงได้ 4,030 ครั้ง หรือ 168 ครั้งต่อชั่วโมง เขายังลงแข่งวิ่ง 100 ไมล์หรือ 160 กิโลเมตรเป็นว่าเล่น
เมื่อหน่วยซีลกลายมาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับคนธรรมดาที่ไม่เคยผ่านการฝึกสุดโหดมา ผลจะเป็นอย่างไร
“ผมเจอคุณหน่วยซีลครั้งแรกตอนลงวิ่ง 100 ไมล์ที่ซานดิเอโก ซึ่งผมกับเพื่อนรวม 6 คนจะวิ่งผลัดกัน แต่เดวิดวิ่งคนเดียวทั้งร้อยไมล์ และการวิ่งครั้งนี้ไม่มีทีมช่วยซัปพอร์ตใดๆ นักวิ่งต้องเอาอุปกรณ์และอาหารไปเอง ผมกับเพื่อนพกไปทั้งเต็นท์ คนนวด และอาหาร แบกกันไปอย่างกับจะไปค้างคืนเป็นสัปดาห์ แต่เดวิดเอาไปแค่เก้าอี้พับ ขวดน้ำกับถุงขนม ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ผมคอยจับตามองเขาตอนวิ่งได้ระยะ 70 ไมล์ เดวิดน่าจะหนักเกือบ 120 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าตัวใหญ่มากสำหรับนักวิ่งอัลตร้ามาราธอน กระดูกชิ้นเล็กทั้งหมดที่เท้าสองข้างของเขาก็เลยหักหมด ไตเสียหาย แล้วเขาก็วิ่งไปถึงเส้นชัย…
Photo: www.linkedin.com
ผมก็เลยโทรหาเขาดื้อๆ เลยและบินไปพบเขา คุยกันได้ไม่กี่นาที ผมรู้เลยว่าผมน่าจะได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากชายคนนี้ ผมเลยชวนเขาอยู่ที่บ้านกับเราหนึ่งเดือน ตอนนั้นลูกชายผมอายุ 18 เดือนและภรรยายังอยู่ด้วยกันดีอยู่ ตอนนั้นผมคิดว่าผมก็ทำอะไรเป็นกิจวัตรดีอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้ทำให้ผมกว่าเดิม ผมทำสิ่งเดิมๆ ทุกวันเหมือนกับคนอื่นๆ คือตื่น ไปทำงาน กลับบ้าน กินข้าว เข้านอน ทำวนซ้ำไปแบบนี้เป็นอัตโนมัติ และผมมองว่าเดวิดดูแลสุขภาพและรูปร่างได้ดีมากๆ ถ้าผมเอากิจวัตรของเขามาใส่ในกิจวัตรของผมดูบ้างล่ะ อะไรๆ ก็น่าจะดีขึ้น
วันแรกที่คุณซีลมาอยู่กับเรา เขาถามว่าผมดึงข้อได้กี่ครั้ง ผมทำได้ 8 ครั้ง เขาบอกให้ผมพัก 30 วินาทีแล้วลองทำดูอีกครั้ง คราวนี้ผมดึงข้อได้ 6 ครั้งก็ไม่ไหวแล้ว เขาบอกให้พัก 30 วิแล้วลองใหม่ เราจะไม่ไปไหนจนกว่าผมจะดึงข้อได้อีก 100 ครั้ง ผมคิดว่าเราคงได้แช่อยู่ตรงนี้กันนานเลยล่ะกว่าผมจะดึงข้อได้ 100 ครั้ง
Photo: X@gritwontquit
แต่ยังไงๆ ผมก็ลุกขึ้นไปดึงข้ออีกครั้ง คราวนี้เขาแสดงให้ผมเห็น พิสูจน์ให้ผมดูว่าเราสามารถทำได้มากกว่าที่เราคิด และนั่นคือบทเรียนที่ดีมากๆ อันที่จริงมันคือบทเรียนแรกของผมเลยด้วยว่า เรามีถังเก็บพลังงานสำรองในตัวไว้มากกว่าที่เราคิด
หนึ่งในหลายๆ สิ่งที่คุณซีลบอกกับผมก็คือ เวลาที่ใจเราบอกว่าเราไม่ไหวแล้ว เราทำได้สุดแค่นี้แหละ อันที่จริงเราใช้พลังแค่ 40% เท่านั้น คุณซีลมีคติประจำใจว่า “อะไรที่ไม่ฉิบหาย เราจะไม่ทำ” และนั่นคือวิธีที่เขาใช้ผลักดันเราให้ไปเจอความไม่สะดวกสบายทั้งกายใจในทุกๆ วัน เพื่อให้เรารู้ว่าขีดสุดของเราอยู่แค่ไหน และขีดที่เราสบายอยู่ตรงไหน แล้วจัดการทำตรงกันข้ามกันซะ
และนั่นคือกฎ 40%
ลองดูตัวอย่างในการวิ่งมาราธอน คนส่วนใหญ่จะไปแตะขีดสุดของตัวเองเมื่อวิ่งได้ระยะทาง 16 ถึง 20 ไมล์ แต่คนถึง 90% ก็วิ่งไปถึงเส้นชัยได้ ขอแค่ผ่านเส้นขีดจำกัดนี้ไปให้ได้เท่านั้น
แล้วอีก 60% ที่เหลือคืออะไร มันใจอันมุ่งมั่นของเราที่ทะเลาะตบตีกับสมอง สมองของเราถูกออกแบบมาให้มองหาทางง่าย หนทางสบาย ปกป้องชีวิตเราไม่ให้ทุกข์ยากหรือเจ็บปวด สมองจึงส่งเสียงเตือนในหัวว่า “ฉันพอแล้วนะ ฉันไม่อยากไปต่อแล้ว” แต่ใจเราจะพยายามเอาชนะด้วยการทะเลาะกับสมองว่า “อีกนิดเดียวน่า ขอไปถึงเส้นชัยหน่อยเหอะ”
เราไม่ใช่แค่ใช้ใจอันมุ่งมั่น 60% นั้นแค่กับการวิ่งมาราธอนปีละครั้ง แต่เราใช้ในการทำสิ่งต่างๆ ได้ทุกวัน
เมื่อไรที่เรารู้สึกว่าไม่ไหว พอแล้ว หมดแรง ทำไม่ได้ ไปต่อไม่ไหว ขอให้รู้ไว้ว่าเรายังมีแรงและมีศักยภาพอีกตั้ง 60%” เจสซีกล่าว
เหมือนได้ยินเสียงไมกี้เลยมาเข้าหูอีกครั้ง
“อย่าบอกตัวเองว่าทำไม่ได้”
Photo: IG@mikepanitan
Words: Sritala Supapong
ข้อมูลจาก
- https://x.com/bellacollect_/status/1850112224293261351/video/1
- https://bigthink.com/videos/jesse-itzler-on-living-with-a-navy-seal/
- https://www.outsideonline.com/health/training-performance/two-years-later-heres-what-i-learned-living-navy-seal/
- https://ultrarunning.com/calendar/runner/view/David-Goggins-1fa9c71c-0fe9-11ea-99ce-624db84c3c72