เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนดื่มด่ำกับบรรยากาศเฉลิมฉลอง ที่ทุกคนไม่ว่าครอบครัวหรือเพื่อนฝูงต่างมารวมตัวกันพร้อมหน้า และแน่นอนว่ากิจกรรมสุดโปรดคงหนีไม่พ้นการดื่มแอลกอฮอล์ แล้วถ้าคุณเพียงแต่อยากไปสังสรรค์พบปะเพื่อนฝูงแต่ไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ละ คุณจะมีวิธีปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมอย่างไร?
เริ่มมาจากการเป็น Asian Flush
สาเหตุแรก ผู้เขียนขอเท้าความไปยังเหตุการณ์สมัยเรียน หลังจากพบว่ามีอาการ Asian Flush Reaction คือการที่ร่างกายย่อยสลายแอลกอฮอล์ได้ไม่ดี ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการหน้าแดง หน้าอกแดงหลังดื่ม
สาเหตุที่2 เป็นผลต่อเนื่องมาจากสาเหตุแรกที่ผู้เขียนจะมีอาการท้องเสียเกิดขึ้นหลังดื่มในวันรุ่งขึ้น
ส่วนสาเหตุที่ 3 คือหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ ผิวจะแห้งกร้านเหมือนขาดน้ำกลายเป็นอิดโรยทันที ซึ่งในบรรดาเพื่อนฝูงในแก๊งที่เคยกินจนเมาปลิ้น เขากลับตื่นเช้าไปทำงานได้ปกติด้วยแววตาและผิวพรรณที่สดใส (โลกช่างไม่ยุติธรรม)
ดังนั้นผู้เขียนเลยพยายามหนีห่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ได้มากที่สุด แต่แทนที่จะนอนอยู่บ้าน ผู้เขียนดันชอบการพบปะผู้คน ชอบการได้เห็นแสงสี และดันชอบดูอากัปกิริยาของผู้คนเวลาปาร์ตี้ ดังนั้นการห้ามตัวเองให้นอนอยู่บ้านจึงทำได้ยาก
เหตุการณ์กระอักกระอ่วนครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อตอนเรียนปี 3 ขณะที่เพื่อนสาวไปออกเดตแล้วดันกล้าๆ กลัวๆ จึงขอร้องให้ผู้เขียนไปด้วย หลังจากไปเจอแก๊งหนุ่มๆ ซึ่งพวกเขาต้อนรับด้วยการรินเครื่องดื่มให้ ผู้เขียนรับมาไว้กับมือแต่ไม่ดื่มสักอึก ทำได้เพียงโยกไปตามจังหวะดนตรี เมื่อหนุ่มๆ พยายามจะรินให้เพิ่มก็เกิดฉงน กลายเป็นว่าเพื่อนสาวมานั่งตัดพ้อว่าตัวผู้เขียน ‘ไม่รู้จักการเข้าสังคม’ ครั้นจะอธิบายว่าผู้เขียนมีภาวะอะไรก็ดูยากลำบากไปอีก เอาเป็นว่าหลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่มีสังคมกลางคืนด้วยกันอีก
เหตุการณ์กระอักกระอ่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อเริ่มทำงานแรกในชีวิต ผู้เขียนถูกรับน้องด้วยการรินเหล่าราวห่าฝน เบื้องต้นผู้เขียนพยายามปฏิเสธว่าไม่กินเหล้าหรือกินไม่ไหวแต่ก็มิได้นำพา บรรดาผู้จัดการและรุ่นพี่ตำแหน่งอาวุโสรุมรินให้ทั้งโต๊ะ ผลปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นผู้เขียนปวดท้องแบบต่อเนื่อง แต่โชคดีที่เป็นวันเสาร์ผู้เขียนจึงพอได้นอนจิบยาธาตุน้ำขาวได้บ้าง
เหตุการณ์กระอักกระอ่วนอย่างที่ 3 เกิดขึ้นขณะกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด ธรรมเนียมคือจะให้ผู้คนที่ไปทำงานกรุงเทพฯ เลี้ยงเหล้าอย่างต่ำครึ่งลัง แล้วมานั่งดื่มกินด้วยกันหามรุ่งหามค่ำ บรรดาพี่ๆ น้องๆ ทุกคนสนุกกับกิจกรรมนี้ แต่ผู้เขียนปฏิเสธทุกครั้งและกลายเป็นภาพลักษณ์ของ ‘คนไม่เอาสังคมพี่น้อง’ จนทุกวันนี้
เวลาผ่านไป ผู้เขียนจึงได้เรียนรู้กลยุทธ์การปฏิเสธเครื่องดื่มแบบละมุนละม่อมแล้วใช้ได้ผลทุกครั้งไป แบบปฏิเสธแล้วคนไม่ถามต่อ แบบไม่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระอักกระอ่วน เลยเห็นสมควรที่จะแบ่งปันกับผู้อ่าน เผื่อกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์
1.ผม/ดิฉัน ขับรถมา ครับ/ค่ะ
ประโยคเด็ดที่พอพูดออกไปทุกคนในวงเหล้าจะไม่ขัดศรัทธาเลย นั่นคือการปฏิเสธเพราะจำเป็นต้องขับรถ และไม่ใช่แค่การแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองอย่างเดียว แต่เป็นการรับผิดชอบต่อทุกชีวิตบนท้องถนนด้วย ดังนั้นทุกคนจะเข้าใจได้ในเหตุผลข้อนี้
2.ทางกลับบ้านมีด่าน
สำหรับคนที่เจอสายแข็งหรือพวกรู้แกว ประมาณว่า “แก้วเดียว…ไม่เมาหรอก” ให้คุณงัดประโยคว่าทางกลับบ้านมีด่านตั้งอยู่ พร้อมหยอดมุกเล็กๆ ไปอีกว่า เกิดเหตุขึ้นศาลประกันตัวต้องมาช่วยกันนะ เพื่อเป็นการกันพลาดหากเจอเพื่อนคอสุราจอมตื้อ
3.กินยาที่ไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้
ในโลกนี้มียาหลายชนิดที่ใช้ในชีวิตประจำแต่ไม่สามารถกินคู่กับแอลกอออล์ได้ เช่น กลุ่มยาแก้แพ้อย่าง Chlorpheniramine, Dimenhydrinate, Brompheniramine หรือ Hydroxyxine ฯลฯ ซึ่งหากกินคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะก่อให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ รวมไปถึงกลุ่มยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อย่าง Metronidazole, Tinidazole หรือกลุ่มยาลดน้ำตาลในเลือด อย่าง Glipizide, Glyburide เป็นต้น คุณสามารถใช้เหตุผลจากการกินยาเหล่านี้ (แต่ไม่ต้องกินจริงๆก็ได้) เพื่อชี้แจงถึงภัยอันตรายดังกล่าวได้
4.บอกว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น
คล้ายกับหัวข้อข้างต้น เพียงแต่คุณไม่ต้องขุดชื่อตำรับยาต่างๆ มาเป็นที่ยุ่งยาก เพียงแค่บอกไปว่าคุณมีปัญหาสุขภาพที่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และที่เลือกมาเจอเพื่อนฝูงวันนี้เพราะว่าอยากเจอจริงๆ แต่ไม่สะดวกที่จะดื่ม
5.ผม/ดิฉัน เมาแล้วชอบสร้างปัญหา
นี่นับว่าเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมอย่างหนึ่ง คุณสามารถหยิบยกพฤติกรรมหลังจากที่ตัวเองเมามากล่าวอ้างได้ ที่มีตั้งแต่เมาแล้วร้องไห้ เมาแล้วโวยวาย เมาแล้วชวนทะเลาะวิวาท จนถึงเมาแล้วมือเป็นปลาหมึก เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถชี้แจงได้ว่าทุกคนในปาร์ตี้จะมีความสุขและสนุกสนานตลอดคืนได้หากคุณไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
6.เปลี่ยนเรื่องเพื่อหันเหความสนใจ
เทคนิคนี้ผู้เขียนจะเกริ่นอวยยศต่างๆ นานา เช่น “แต่งตัวจึ้งมากแม่” ไปจนถึงชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ โดยเฉพาะเรื่องเม้าท์ออกรสที่ทำให้ผู้ที่ชวนดื่มเกิดการพรั่งพรูและสร้างบทสนทนาอย่างต่อเนื่องจนลืมไปว่าเคยชวนดื่ม และวิธีนี้จะได้ผลมากขึ้นหากพวกเขาหรือเธอกำลังกรึ่มได้ที่แล้ว
7.ชิงสั่งข้าวมากินก่อน
บอกไปว่าคุณไม่สามารถดื่มแอลกอออล์ได้หากท้องยังว่าง และชิงสั่งเป็นข้าวจานโตที่ต้องใช้เวลาละเมียดละไมไปนานๆ อย่าเผลอสั่งของกินเล่น เช่น เอ็นข้อไก่ทอด นักเก็ต หรือเฟรนช์ฟรายส์เชียว เพราะอาหารว่างเหล่านี้จะเปิดช่องทางให้คู่สนทนาสั่งเครื่องดื่มมาให้คุณจิบได้เป็นอย่างดี
8.หากิจกรรมทำ ให้ดูเหมือนตัวเองสนุกและไม่ว่างที่จะดื่ม
นี่เป็นเทคนิคที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด เช่น ขอไมค์ร้องคาราโอเกะ ลุกไปเต้นหน้าเวที ซึ่งก็จะร้องจะเต้นอยู่อย่างนั้น ผู้คนจะไม่สนใจเรียกคุณมาดื่มเลยสักหยด เพราะคุณได้ทำหน้าที่เลยช่วงบิลด์อารมณ์ด้วยการจิบมาแล้ว
9.ขอเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
ถ้าเกิดการคะยั้นคะยอให้ดื่มดีนัก ให้คุณลองสั่งเป็นเครื่องดื่มที่ปราศจากแอลกอฮอล์ พร้อมชี้แจงด้วยว่าคุณไม่สันทัดในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จริงๆ แต่ก็มีความตั้งใจที่จะชนแก้วกับเพื่อนๆ เพราะชื่นชอบในการสังคม
10.พูดความจริง แล้วเลิกคิดถึงคนอื่น
จริงๆ ถ้าคุณอ่านขั้นตอนที่เราแนะนำมาทุกข้อ แล้วกำลังคิดว่าไม่ใช่กิจอันใดที่จะต้องคิดให้ยุ่งยากเพื่อทำตามใจคนอื่น และเราเห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ ทำไมเราต้องจิบเครื่องดื่มตามใจคนอื่นเพื่อการยอมรับ แล้วกลับมาเผชิญกับปัญหาสุขภาพ อาการปวดท้อง หรือแม้กระทั่งจะไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แต่ในวินาทีนั้นคุณแค่ไม่อยากดื่มเฉยๆ ทุกคนย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในความต้องการของตัวเอง คุณสามารถบอกปฏิเสธพร้อมชี้แจงเหตุผลที่แท้จริงกับเพื่อนได้ ซึ่งบางครั้งการสื่อสารไปตรงๆ อาจจะทำให้เพื่อนเข้าใจคุณมากกว่าที่คุณกังวล แต่ถ้าหากเกิดเหตุผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ละก็ นี่คงเป็นสังคมที่ไม่ควรค่าอย่างยิ่งที่จะใช้เวลาด้วยอีกเลย
ดังนั้นเลือกเหตุผลกลยุทธ์ที่เราหยิบยกมาให้เพื่อใช้ปฏิเสธเครื่องดื่มได้ตามสถานการณ์และตามความสะดวก ซึ่งถามว่ากรณีนี้ใครสำคัญที่สุด ใจเราสำคัญที่สุด เซฟใจ เซฟสุขภาพตัวเองตามความเหมาะสม หลายครั้งผู้คนสนุกและคงอยู่กับเราตลอดช่วงเวลาสังสรรค์ แต่อาจจะเหลือน้อยลงเวลาเราเผชิญปัญหาสุขภาพ ขึ้นศาลเพราะเมาแล้วขับ ตลอดจนปัญหาอื่นๆ จากการดื่มเหล้าแล้วขาดสติ
สงกรานต์นี้ สนุกอย่างสร้างสรรค์ ดื่มอย่างมีสติและเมาไม่ขับนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก The Optimized
Words: Valentina S.