“ทักษะการทำงานเป็นทีม” ช่วยผู้สมัครมีโอกาสได้งานมากกว่า

หากจะให้คำแนะนำเด็กรุ่นใหม่ในการทำงาน หรือเลือกงานนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ “อย่ามุ่งเน้นเฉพาะความสำเร็จของตัวเองเท่านั้น แต่ลองหาเวทีสำหรับการทำงานร่วมกับผู้อื่นดูบ้าง”

จากประสบการณ์สอนและวิจัยเป็นเวลานานปีที่สาขาธุรกิจและกฎหมายฮาร์วาร์ด ของ Heidi K. Gardner ได้ค้นพบข้อสำคัญที่มักถูกละเลยไป คือ ผู้ที่รู้จักวิธีการทำงานร่วมกับทีมอื่น จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันมากกว่าผู้ที่ไม่เคยมีทักษะนี้

ประโยชน์ของการทำงานร่วมกัน

เมื่อมีการจ้างงาน หลายคนคงคิดว่าผู้ที่มีทักษะความสามารถจะเป็นผู้สมัครที่ได้รับโอกาสมากกว่าใคร ถ้าหากพวกเขาสามารถทำงานที่ให้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น จะได้รับการจับตามองจากผู้บริหารมากกว่า และทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดใจมากที่สุดคือ ทักษะในการทำงานเป็นทีมนั้นหาได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะในคนทำงานที่เป็น “ผู้ชาย”

ผลการศึกษาของ Mckinsey ปี 2021 พบว่า ในกลุ่มหัวหน้าทีมผู้หญิง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายในตำแหน่งเดียวกันแล้ว หัวหน้าทีมผู้หญิงทำงานร่วมกับผู้อื่นที่นอกเหนือจากหน้าที่ประจำของตัวเอง มากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำแนวทางเพื่อพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น

ถึงการทำงานร่วมกันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันมีเป้าหมายง่ายๆ เดียวกัน คือ การนำผู้คนมาทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาและเรียนรู้สิ่งใหม่ และนี่คือคำแนะนำที่จะพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นให้ดีขึ้น

1.คุณต้องเป็นหัวหน้าที่มีส่วนร่วม

ไม่ว่าคุณจะเป็นหัวหน้าทีมหรือไม่ก็ตาม คุณต้องเข้าใจธรรมชาติของการนำคนที่มีแตกต่างมารวมกันเพื่อทำงานร่วมกัน

แนวคิดที่ควรนึกถึงอยู่เสมอในการทำงานร่วมกันคือ “แต่ละคนมีความคิดต่างกัน พวกเขาอาจจะรู้ อะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ และเราสามารถเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้จากพวกเขา ที่สำคัญพวกเขาเหล่านั้นไม่เพียงแต่มีความรู้ด้านต่าง ๆ เท่านั้น แต่เขายังเป็นตัวแทนความชำนาญในสาขาอาชีพนั้น ๆ  ด้วยอายุและประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน

2.แสดงให้เพื่อนร่วมงานรับรู้และเห็นถึงความประทับ

งานวิจัยใหม่ จาก Boris Groyberg อาจารย์จาก Harvard Business School พบว่า “คนทำงานโดยเฉพาะผู้ชาย มักมองข้ามคุณค่าของเพื่อนร่วมอาชีพของพวกเขา”  ในช่วงสัมภาษณ์งาน ผู้สมัครที่ไม่ได้รับรู้และตระหนักถึงการสนับสนุนที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงาน จะเชื่อว่า“พวกเขามีความเป็นอิสระและสามารถย้ายงาน ได้มากกว่าที่พวกเขาเป็นจริง ๆ”

ทัศนคติ “ที่เน้นตนเอง” มากกว่าผู้อื่นมักเป็นสิ่งที่ไม่ถูกอกถูกใจของเหล่า HR และเป็นปัจจัยที่ทำให้ HR อาจจะไม่สนใจผู้สมัครคนนั้น ถึงแม้ว่าตำแหน่ง ความสามารถจะเป็นตรงกับความต้องการ

 Claire Hughes Johnson อดีตรองประธานบริหารของ Google บอกว่า “ทัศนคติที่ตระหนักถึงตนเองและทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น” เป็นสิ่งที่เธอมองหาจากผู้สมัครก่อนเป็นอย่างแรก

3.ขอความช่วยเหลือ

หากคุณต้องรับผิดชอบในการนำเสนอรายงานการขายทุกสัปดาห์ แล้วทำงานเองโดยไม่เอ่ยขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละแผนก นั่นแสดงให้เห็นว่า คุณมีทัศนคติ “ความคิดของคุณมีค่ามากที่สุด” แต่หากคุณติดต่อหัวหน้าในแต่ละแผนกเพื่อขอความเห็นจากพวกเขา ข้อมูล งาน ของคุณจะมีน้ำหนักมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมให้เครดิตกับผู้มีส่วนร่วมและความเชี่ยวชาญของพวกเขาด้วย เพื่อจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับรายงานของคุณ

4.กระจายความรู้

ให้โอกาสทีมได้เรียนรู้โดยที่ไม่ต้องเป็นให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง ผลการศึกษาของ Heidi K. Gardner พบว่ากลุ่มอาสาสมัครมีความต้องการที่จะเรียนรู้เป็นตัวกระตุ้นในการมีส่วนร่วมอย่างไม่จำกัด

การสร้างกลุ่มเพื่อเรียนรู้ผ่าน Slack (แพลตฟอร์มสื่อสารออนไลน์) และเครื่องมือการสื่อสารผ่านข้อความเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นรูปแบบการทำงานร่วมกันที่เสมือนจริง ช่วยในการการแบ่งปันความรู้และกระจายความรู้ได้

5.แบ่งปันแหล่งข้อมูล

การแบ่งปันข้อมูลสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้

1.ช่วยให้คุณวัดความคืบหน้าต่อเป้าหมายที่คุณตั้งไว้

2.เมื่อแบ่งปันข้อมูลเป็นสาธารณะจะสร้างแรงผลักดันให้เพื่อนร่วมงาน เพราะพวกเขาสามารถเปรียบเทียบผลการทำงานของผู้นำกับผลที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงานได้

3.ทำให้ข้อมูลสำคัญเข้าถึงได้ง่ายและทำให้กระบวนการสร้างความร่วมมือที่โปร่งใส

อย่างไรก็ตาม ควรคิดให้ดีว่าจะแบ่งปันข้อมูลชนิดใดและเมื่อใด โดยจุดประสงค์ไม่ใช่การปกปิดข้อมูล แต่เป็นการทำให้ข้อมูลเข้าถึงได้ง่ายและมีประโยชน์สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการแสดงข้อมูล

Heidi K. Gardner, เป็นนักวิจัยเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ศูนย์กฏหมายของฮาร์วาร์ด (Harvard Law School) และเป็นหัวหน้าโปรแกรมของคลาสผู้นำภาคสาขา (Sector Leadership Master Class) ก่อนหน้านี้เธอเป็นศาสตราจารย์ที่โรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด (Harvard Business School) เธอยังเป็นผู้เขียนร่วมของหนังสือ “Smarter Collaboration” ซึ่งเป็นหนังสือขายดีที่สอนวิธีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ Heidi ได้รับปริญญาโทจากเศรษฐศาสตร์ลอนดอน (London School of Economics) และได้รับปริญญาเอกจากธุรกิจลอนดอน (London Business School)

Source : www.cnbc.com/2023/03/14/harvard-career-expert-the-no-1-highly-desirable-skill-for-success-very-few-people-have.html

you might like

“ลอนดรี้บาร์ (LaundryBar)” ผนึกกำลัง “ธรรมนาวา” ส่งต่อความห่วงใยปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมส่งทีมเซอร์วิสซ่อมบำรุง ช่วยเหลือผู้ประกอบการแฟรนไชส์ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา

Scroll to Top