ผู้เขียนรักในวิชาชีพวารสารศาสตร์ค่ะ และเคยเข้าไปทำงานในกองบรรณาธิการความงามในนิตยสารหัวนอกตามที่ใฝ่ฝัน และผู้เขียนปักหมุดในใจว่าจะอยู่ที่นี่ไปนานๆ เพราะส่วนตัวชอบการเขียนงาน และรู้ตัวว่ามีความถนัดในสายงาน 2 อย่าง อย่างที่ 1 คือหมวดบันเทิงที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เช่นการเขียนข่าวซุบซิบดารา สกู๊ปกองละคร เป็นต้น และอย่างที่ 2 คือหมวดความงาม เนื่องจากผู้เขียนเติบโตมาในร้านเสริมสวยซึ่งคลุกคลีกับผลิตภัณฑ์ความงามมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยในใจอย่างหนึ่งนั่นเอง
แต่แล้ว ‘พังครืน’ นิตยสารปิดตัว! การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมาเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว หนังสือหลายหัวต้องปิดตัวลง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปเสพคอนเทนต์ออนไลน์กันเป็นส่วนใหญ่
วินาทีนั้น ร้องไห้ค่ะ… ทำอะไรไม่ถูกเพราะนอกจากงานเขียนบันเทิงกับความงามแล้ว จะไปทำอะไรได้อีก และก็ใช้ชีวิตด่าโลกออนไลน์ไปวันๆ
Photo: Jcomp on Freepik
ตีอกชกลมใส่ยุคดิจิทัล
ขณะนั้นผู้เขียนมี Fixed Mindset ขนาดหนัก ซึ่งคำว่า Fixed Mindset ในทีนี้หมายถึงการที่เรามีกรอบความคิดหรือทัศนคติแบบเดิมๆ จมอยู่กับที่เดิม ไม่กล้าก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ดังนั้นก็ได้แต่โทษผู้บริโภคว่า “ช่างไม่ละเอียดอ่อนเสียจริงที่ไม่หยิบนิตยสารมาอ่านกัน”
ด้วยความที่ชีวิตต้องไปต่อและยังต้องกินต้องใช้ ผู้เขียนพบกับความยากลำบากในการหางานเป็นอย่างมาก และได้งานเป็นโปรดิวเซอร์ที่แทบจะคุมถ่ายวิดีโอ เขียนสคริปต์และตัดต่อคลิปเบื้องหลังแฟชั่นในตัวคนเดียว ซึ่งเมื่อพบว่างานสูบพลังงานชีวิตมากเกินไป ในที่สุดก็ตัดสินใจมาทำงานเป็นครีเอทีฟเขียนสคริปต์รายการทีวีออนไลน์ แม้ว่าตอนนั้นจะตอบ HR ว่ารัก ชอบ หรืออยากทำงานเหล่านี้มากเพียงใด แต่แท้จริงแล้วก็เพื่ออยากได้เงิน ในใจไม่เคยรู้สึกปลอดภัยหรือยินดีปรีดาจริงๆ เลยตามภาษาคนมี Fixed Mindset
Photo: Freepik
ทาร์ตไข่เปลี่ยนความคิด
ผู้เขียนมักจะพูดอย่างภูมิใจเสมอว่ามีกิจการขายวาฟเฟิลซึ่งเป็นร้านเล็กๆ อีกด้วย ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากคนข้างตัวอยากมีกิจการที่ 2 จึงได้เก็บหอมรอมริบไปเรียนทำวาฟเฟิลกับครูเบเกอรีท่านหนึ่ง และก็ได้มาเปิดร้านเล็กๆ สมใจ ซึ่งในขณะนั้นเมื่อว่างจากการทำงานเสาร์-อาทิตย์ ผู้เขียนก็จะไปนั่งเล่นที่ร้านด้วย ออกแนวให้กำลังใจมากกว่า เพราะแท้จริงแล้วแค่ทอดไข่ให้อร่อยผู้เขียนยังทำไม่นิ่งเลย ตัดภาพมาที่วาฟเฟิล ที่มีทั้งตีแป้ง มียีสต์ มีการอบ ยากไปหมด ที่ทำได้ก็คือการนั่งกดเกมตีป้อมหลังร้านเท่านั้น
ขณะที่แฟนขายเอาๆ จู่ๆ ก็เกิดความคิดว่า “ชีวิตฉันมีเท่านี้จริงๆ หรือ…จะใช้เวลากดเกมไปตลอดทุกช่วงเวลาว่างแบบนี้หรือไง” ด้วยความหงุดหงิดตัวเอง จึงพยายามหาอะไรสักอย่างที่เป็นสิ่งใหม่ลองทำดู ไหนๆ รอบข้างก็มีอุปกรณ์เบเกอรีเต็มไปหมด หวยก็มาออกที่ ‘ทาร์ตไข่’
Photo: lifeforstock on Freepik
ก่อนจักรวรรดิล่มสลาย
สมัยที่จักรวรรดิสื่อออฟไลน์ยังรุ่งเรือง ผู้เขียนก็มีโอกาสเดินชูคอในช่วงเวลาหนึ่ง เคยได้บินไปทำงานที่มาเก๊าและได้กินขนมทาร์ตไข่ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ KFC นำขนมชนิดนี้มาขายในประเทศไทยแล้วก็ฮิตระเบิดระเบ้อ จนมาถึงช่วงที่พ่อค้าแม่ค้าปรับปรุงสูตรและนำขายตามตลาดนัดบ้าง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
นั่นคือจุดเริ่มต้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ นอกเหนือจากพื้นที่ปลอดภัยของผู้เขียนในอดีต
ทาร์ตไข่ที่พังไม่เป็นท่า
“ทาร์ตไข่มันยังกะลิปกลอสเลยค่ะพี่” น้องสาวแฟนแอบกระซิบแฟน เนื่องด้วยไม่กล้าพูดกับผู้เขียนโดยตรง แล้วแฟนก็มาเล่าให้เป็นเรื่องฮาทีหลัง
หลังจากลงทุนซื้อเตาอบในราคา 4,000 กว่าบาท (ผู้เขียนฮึดขนาดนั้นเชียว) และไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้เขียนเริ่มตั้งแต่นั่งดูเทคนิคการวอร์มเตา ที่ก่อนอบขนมต้องวอร์มให้อุณหภูมิได้ที่ก่อน และช่วงนั้นงงไปหมด ดังนั้นอย่าถามหาตัวฐานพายที่รู้กันว่าปราบเซียนเป็นอย่างมากว่าได้ทำเองไหม อันนั้นซื้อสำเร็จ ทำเองแค่ในส่วนผสมบริเวณคัสตาร์ดไข่ตรงกลางก่อนประกอบร่างแล้วนำไปอบ
Photo: Jcomp on Freepik
ด้วยความที่ดูหน่วยวัดอุณหภูมิองศาฟาเรนไฮต์และองศาเซลเชียสไม่เป็น แม้สูตรบอกให้อบแบบองศาเซลเซียสก็ดันไปดูฟาเรนไฮต์เสียได้ ทาร์ตไข่ที่ออกมาจึงเป็นลูกผีลูกคน พอจะกินได้แต่ฐานพายเนยแยกชั้นจนมันเยิ้มยังกับทำแกงกะทิ และน้องสาวแฟนก็กลายเป็นหนูทดลองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เมื่อทำอะไรครั้งแรก วุ่นวายเสมอ แม้ว่าเราศึกษาทฤษฎีมาบ้างก็จริง”
ผู้อ่านทราบไหมคะ ฟีกแบ็กที่ว่ามันเยิ้มคำนั้นทำให้ผู้เขียนรู้สึกยังไง? “ดีใจค่ะ ดีใจมาก อย่างน้อยมันก็กินได้ ฉันนี่นะทำทาร์ตไข่ได้ ทาร์ตไข่ที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็เป็นผลงานที่ทำคลอดเองกลับมือ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี่รสชาติไข่เจียวที่ทำปะแล่มๆ แปลกๆ เพราะกะปริมาณผงนัวไม่ถูก”
Photo: Freepik
จากนั้นก็บลอนดี้ บราวนี่ สปันจ์เค้ก ฯลฯ
ผู้เขียนดื่มด่ำกับความสำเร็จครั้งนั้น ภูมิใจมากที่ปลดล็อกมายด์เซตอะไรบางอย่างได้ จึงได้พยายามทำทาร์ตไข่อีกราว 3 ครั้ง และในครั้งที่ 3 นั้นออกมางดงามสมบูรณ์แบบและนั่นเป็นการยืนยันได้ว่าหากเรากล้าที่จะทำ เป็นเรื่องปกติที่เราจะเผชิญหน้ากับความผิดพลาด ก็จงหัวเราะและเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนั้น และหากมนุษย์พยายาม มนุษย์ทำได้เสมอ
จากทาร์ตไข่ครั้งนั้นผู้เขียนได้ทำบราวนี่ บลอนดี้ (คล้ายบราวนี่ แต่ไม่ใส่ช็อกโกแลต มีสีทองสวยงาม) ตีสปันจ์เค้ก ชิฟฟอนเค้ก เค้กผลไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย จนทุกวันนี้แม้ไม่ได้เก่งด้านเบเกอรีแบบเชฟ แต่ก็คล่องพอที่จะอบอะไรสวยๆ ให้คนร้องว้าวได้บ้าง
Photo: tirachardz on Freepik
Growth Mindset บังเกิด
Growth Mindset คือแนวคิดแบบยืดหยุ่นที่เชื่อว่าคนเราสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้ ความพยายาม ความตั้งใจ และการฝึกฝน โดยแนวคิดเรื่องทาร์ตไข่ปลดล็อกครั้งนั้น ผู้เขียนได้นำไปปรับใช้กับงานครีเอทีฟที่เป็นงานประจำ ผู้เขียนค้นพบว่ามีความสุขในการทำงานมากขึ้น ส่วนไหนที่ไม่เคยทำก็กล้าที่จะลองทำและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน จนปลดล็อกทักษะเล็กๆ มากมายที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ในสายงานด้านการสื่อสาร
มีสิ่งที่ยากอยู่ 1 อย่าง
และทาร์ตไข่ปลดล็อกครั้งนั้นทำให้ผู้เขียนสนุกกับการสร้างเป้าหมายท้าทายตัวเองในทุกๆ ปี นั่นคือ เราจะต้องเรียนรู้อะไรที่ไม่เคยทำอย่างน้อย 1 อย่าง โดยเฉพาะที่ทักษะนั้นจะนำพาไปสู่สิ่งที่เราจะมีความสุขในอนาคต
ผู้เขียนเคยเอาตัวเองไปทำงานในสายงานเอเจนซีเพื่อเรียนรู้การตลาดมา 1 ปี และก็กล้ายอมรับกับบรรดาน้องๆ ในออฟฟิศว่า “สอนพี่หน่อยค่ะ พี่ไม่เก่งด้านนี้เลย” วันนี้ก็สามารถเขียนและเข้าใจงานการตลาดอย่างง่ายๆ ได้ เข้าใจกระบวนการทำคอนเทนต์และโปรดักชันในสายงานธุรกิจ หลังจากที่ทั้งชีวิตเป็นสื่อมวลชนเสมอมา
ผู้เขียนเคยพาตัวเองไปอยู่ในธุรกิจเครื่องสำอาง และก็ต้องลองผิดลองถูกกับการดูแลหลังบ้าน TikTok เอง ในฐานะแพลตฟอร์มใหม่และมาแรงมากๆ ในช่วงโควิด
Photo: Freepik
จนในปีที่ผ่านมาผู้เขียนกล้าที่จะลองทำช่อง TikTok ของตัวเอง หลังจากเอาแต่คิดและไม่กล้าลงมือมาแสนนาน อย่างที่บอกผู้เขียนถนัดเขียนสคริปต์อย่างเดียว แต่การทำช่องตัวเองคือ ต้องถ่ายวิดีโอด้วยตัวเอง เปิดหน้าเป็นพิธีกรได้ ด้นสดได้ ตัดต่อได้ แก้สีวิดีโอเบื้องต้นได้ ทำปกวิดีโอและภาพต่างๆ ลงโซเชียลได้ โดยที่ปัจจุบันคอนเทนต์เรียลๆ ทั้งหลายไม่ได้มีการเขียนสคริปต์ด้วยซ้ำ ผู้เขียนก็เช่นกัน ไปด้นสดเอาหน้างาน และก็ฝึกทักษะใหม่ๆ ที่เคยมองว่าน่ากลัวเหล่านี้ด้วยตนเอง
ในที่สุดก็สามารถทำช่องตัวเองได้ด้วยความภาคภูมิใจ และก็ค้นพบว่าทักษะใหม่เหล่านี้ไม่ได้ยากเกินความสามารถ หากเราทุ่มเวลาและใส่พยายามลงไป โดยที่เริ่มแรกอาจจะประดักประเดิด และผู้เขียนถ่ายมาเสียงเบาบ้าง แสงจ้าบ้าง ย้อนแสงจนหน้ามืดบ้าง ฯลฯ แต่สุดท้ายเราจะเรียนรู้กับมันได้
ผู้เขียนภูมิใจมากค่ะ แม้ยอดผู้ติดตามจะไม่เยอะ และไม่ใช่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เคยมีช่วงไปเล่นสงกรานต์แล้วน้องๆ แม่ๆ เข้ามาทักว่าเคยดูช่อง เล่นเอาใจฟูยิ้มไม่หุบจริงๆ
และอะไรที่ยากที่สุดรู้ไหมคะ สิ่งนั้นคือตอนที่สู้กับใจตัวเองให้กล้าพอที่จะลุกออกมาทำนั่นเอง
Photo: Freepik
ความพยายามไม่เคยทรยศใคร
การเริ่มทำอะไรสักอย่างคล้ายกับวันที่เราหัดปั่นจักรยานหรือว่ายน้ำ ทั้งๆ ที่รู้ว่าส่วนใหญ่เราเดินด้วย 2 ขา แต่วันหนึ่งหากน้ำท่วมหรือมีเหตุให้ต้องหยิบจักรยานขึ้นมาขี่ คุณจะไม่ลืมทักษะเหล่านี้ไปโดยง่าย
- สมัยทำงานเป็นโปรดิวเซอร์นั่งตัดต่อ ทักษะตัดต่อไม่เคยสูญเปล่า ณ วันนี้ได้งัดมาใช้ในช่องอย่างคล่องแคล่ว
- ทักษะเขียนสคริปต์ คุมถ่ายพิธีกรในสมัยเป็นครีเอทีฟก็ตอบแทนให้ผู้เขียนสามารถลงเสียง เปิดหน้าเป็นพิธีกร คิดทุกอย่างในหัวออกมาได้ง่ายโดยไม่ต้องเปิดคอมป์ทำสคริปต์จริงจัง
- ทักษะการทำงานในเอเจนซีดิจิทัล ทำให้สามารถเรียนรู้ AI และนำมาใช้ทำภาพปกโซเชียลได้ง่ายมากขึ้น เข้าใจการยิงแอดอย่างง่ายมากขึ้น
- และเว็บไซต์ The Optimized ที่ผู้อ่านกำลังอ่านอยู่นี้ ก็เกิดจากแนวคิดที่อยากแบ่งปันการพัฒนาตนเองเพื่อความสุขและชีวิตทีดีกว่า และประสบการณ์การสื่อข่าวที่ผ่านมาก็ต่อยอดให้การค้นคว้าและสรุปข้อมูลง่ายขึ้น
- แม้กระทั่งทาร์ตไข่ บราวนี่ และเค้กผลไม้ ฯลฯ ผู้เขียนจะอบมันเพื่อไปเจอญาติๆ หรือนำไปให้เพื่อนบ้านที่เกื้อกูลกัน หรืออบไว้กินในครัวเรือนเวลามีงานปาร์ตี้ เป็นต้น และก็เคยเปิดรับออเดอร์เล็กๆ น้อยๆ หากมีเวลาว่าง
Photo: Freepik
ชวนมาตั้งเป้าหมายประจำปีกัน
การเรียนรู้สิ่งใหม่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อย ไม่ยุ่งยาก ก็คงไม่ใช่ อะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อนย่อมต้องใช้พลังงานและเวลาประมาณหนึ่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลจะนำพาไปหาสิ่งที่คุณชอบและรูปแบบชีวิตที่คุณใฝ่ฝัน หรือแม้กระทั่งวันที่คุณต้องการเอาตัวรอดจากสถานการณ์อะไรบางอย่าง เป็นต้น
ดังนั้น ตั้งเป้าหมายดีไหมคะว่าปีนี้อยากทำอะไรและยังไม่เคยลองทำสักที เอาแบบง่ายๆ ชิลล์ๆ เลย อย่างลุกออกไปวิ่งก็ได้ค่ะ ตอนนี้ผู้เขียนผู้เขียนชอบวิ่งมาก หลังจากเป็นคนที่เกลียดการออกกำลังกายมาก่อน ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ และไม่ต้องกลัวไป อ่านถึงบรรทัดนี้แสดงว่าคุณได้กินทาร์ตไข่ที่เราอบให้ไปแล้ว 1 ชิ้น ทุกครั้งที่ท้อก็มาอ่านบทความนี้อีกครั้งนะคะ ถือว่าแวะมากินขนมหวานที่บ้านนี้ มาได้บ่อยเท่าที่ต้องการเลยค่ะ
Words: Varichviralya Srisai