เปิดใจผู้กำกับ ‘ไรเดอร์’ เบื้องหลังการจับคู่ ‘มาริโอ้-ฟรีน สโรชา’

ไรเดอร์ หนังตีแผ่อาชีพที่เจอผีบ่อยที่สุดอาชีพหนึ่ง ซึ่งทำให้ มาริโอ้ เมาเร่อ กับ ฟรีน สโรชา มาเจอกันในบทไรเดอร์หนุ่มคลั่งรักกับสาวช่างซ่อมมือถือโลกส่วนสูง ที่ดันมี ‘ผี’ เป็นอุปสรรคความรัก

ที่ไปที่มาของไอเดียสร้างหนังสุดแหวกกับครั้งแรกของคู่จิ้นสายหลอน หวาน ฮา มาริโอ้-ฟรีนจะเป็นอย่างไร The Optimized ชวนอ่านบทสัมภาษณ์เปิดใจของ กังฟู-นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ ผู้กำกับและมือเขียนบทร่วมของหนังไรเดอร์

เรื่องราวของหนัง ‘ไรเดอร์’

หนังแนวฮอร์เรอร์-ไรเดอร์-คอมเมดี้ที่เล่าเรื่องราวของแก๊งไรเดอร์ตัวป่วน นัท (มาริโอ้) น้าไก่ (ดีเจอาร์ต) และ เสือยอด (โน่ เซียนหรั่ง) สามเพื่อนซี้ที่ทำอาชีพไรเดอร์ รับส่งงานทุกชนิด ไปทุกที่แบบไม่เกี่ยง และด้วยความไม่เกี่ยงงานก็มักทำให้พวกเขาต้องไปเจอพิกัดสยองๆ อยู่บ่อยครั้ง โดยนัทเป็นคนที่สามารถเห็นผีได้ เขาจะคอยบอกตำแหน่ง ปักหมุดหมายเอาไว้ว่าตรงไหนผีดุ ตรงไหนไม่ควรผ่านไปให้กับเพื่อนไรเดอร์ด้วยกัน

วันหนึ่งนัทได้ไปเจอ พาย (ฟรีน สโรชา) ช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือที่มีโลกส่วนตัวสูง เขาแอบชอบและหาโอกาสไปส่งของให้บ่อยๆ จนกระทั่งกำลังจะได้สานสัมพันธ์กันอย่างจริงจัง แต่พายก็ดันหายตัวไปเสียก่อน แล้วมีพิกัดแปลกๆ ถูกส่งมาซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกัน ทำให้นัทต้องไปขอความช่วยเหลือจากน้าไก่และเสือยอดเพื่อออกตามหาพาย และแล้วความวุ่นวายที่ต้องไปทำภารกิจตามพิกัดสุดหลอนจนต้องเจอเหตุการณ์สุดสยองก็เกิดขึ้นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง

ทำไมต้องเป็น “ไรเดอร์”

เรื่องนี้เริ่มมาจาก พี่โอ๋ (จาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ) โปรดิวเซอร์ที่มาชักชวนผมว่ามีโปรเจกต์หนึ่งที่อยากต่อยอดจาก “เทอมสอง สยองขวัญ ตอนตึกวิทย์เก่า” (2565) เรื่องราวของ “ไรเดอร์” อาชีพอินเทรนด์ในปัจจุบันที่จะเจอการส่งของในที่แปลกๆ หลอนๆ แต่ครั้งนี้อยากให้มากันเป็นแก๊ง จากนั้นก็ได้ไอเดียในการคิดเรื่องร่วมกับทีมเขียนบท แล้วมารับหน้าที่กำกับเรื่องนี้ครับ

ไรเดอร์เป็นอาชีพที่เจอผีมากที่สุดอาชีพหนึ่ง

พอเราได้ใช้บริการ ได้เจอไรเดอร์ต่างๆ ได้สอบถามพูดคุยเรื่องการทำงานในแต่ละวันต้องเจออะไรบ้าง ก็ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ ที่พวกพี่เขาเล่ามาหลายเรื่องสนุกดี ได้แง่มุมหลายอย่างเอามาปรับใช้ในหนัง เช่น การต้องแข่งกับเวลา การใช้แอปพลิเคชัน การไปพิกัดต่างๆ ที่แต่ละคนต้องคอยกด ฯลฯ

จากการทำการรีเสิร์ช เราได้รู้ว่า ไรเดอร์เป็นอาชีพที่เจอผีมากที่สุดอาชีพหนึ่ง เพราะแต่ละวันเขาต้องไปส่งของ ส่งคน ทำโน่นทำนี่ เอาของไปเซ่นไหว้ให้คนนั้นคนนี้ก็มี ได้เจอผู้คนแปลกๆ ก็มี ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปในที่ใหม่ๆ ผมนำโครงสร้างที่น่าสนใจตรงนี้มาใช้กับหนัง แต่ปรับให้สนุกยิ่งขึ้น ทำให้เหตุการณ์มันมีปมที่สนุกสนานมากขึ้นกว่าการส่งของแบบไรเดอร์ธรรมดา

คู่ขวัญมาริโอ้ – ฟรีน

เริ่มจากคาแรกเตอร์ที่เราวางเอาไว้ก่อนว่า “นัท” ต้องมีความซ่าๆ ตลกๆ และเป็นคนที่มองเห็นผีได้ ซึ่งผมกับมาริโอ้ เราเคยเจอกันตั้งแต่ตอนทำหนังเรื่อง “รักแห่งสยาม” ตอนนั้นผมทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับ หลังจากนั้นก็ได้เจอกับโอ้อยู่เรื่อยๆ ในการทำงานละครหรืองานอื่นๆ เราคุยกันเสมอว่าเมื่อไหร่จะได้โคจรมาทำงานด้วยกันอีก พอมาวันนี้ที่ผมได้รับทำหน้าที่กำกับอีกครั้ง แล้วเห็นคาแรกเตอร์ของตัวละครนัทที่น่าจะเข้ากับโอ้ได้ดี ก็เลยอยากชวนโอ้มาเล่น ดีใจมากที่ได้น้องมาร่วมงานกันอีก 

ส่วนบทนางเอกของเรื่อง มีวันหนึ่งเราไปเยี่ยมกองภาพยนตร์ที่เพื่อนกำกับ ซึ่ง “น้องฟรีน” เล่นเรื่องนี้ด้วย ผมเห็นน้องนั่งนิ่งๆ ใส่หูฟังเพลงอยู่คนเดียว ผมมองหน้าเขาแล้วก็คิดว่าน่าสนใจ เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เดาทางไม่ถูก แต่คาแรกเตอร์คือใช่ เลยให้ทางทีมงานลองคุยและส่งเรื่องย่อให้ดู เขาก็สนใจที่จะร่วมงาน ผมก็เอากล้องและขับรถไปหาเขาที่ออฟฟิศแล้วขอแคสต์เลย อยากเห็นว่าเขาเล่นบทนี้แล้วจะเป็นยังไง พอเริ่มแคสต์ก็รู้สึกว่าน้องถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจ แล้วตอนแคสต์ผมถามน้องฟรีนว่ากลัวผีไหม น้องบอกกลัวมากค่ะ โอเคดีเลย เราจะได้เล่นหนังผีกัน

เวิร์กชอปเพาะเคมี

เคมีของไรเดอร์ทั้ง 3 คนเห็นจาก 3 คนนี้ โอ้-อาร์ต-โน่ ตั้งแต่วันแรกที่เวิร์กชอปเลยครับ เราให้น้องฟรีนได้ลองต่อบทกับโอ้ด้วย เห็นชัดเลยว่าพวกเขาเล่นลึกได้ตรงใจสุด พอเวิร์กชอปวันแรก ผมรู้เลยว่าการทำงานจริงรอดแน่นอนในเรื่องของการแสดง ทั้งเคมีของพระเอกนางเอก ทั้งความสัมพันธ์ของไรเดอร์ทั้ง 3 คนที่ผมมองว่ามันสำคัญมาก การที่คน 3 คนที่ไม่เคยร่วมงานกันจะให้มาเข้าขากันได้ทันทีมันยากนะครับ แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่เยอะ แต่พอทั้ง 3 คนอยู่ด้วยกัน ดันเป็นความสนุกที่เข้ากันได้ พอยิ่งวันที่มาอ่านบทร่วมกัน (Read-through) มันสนุกมาก เขาดึงคาแร็กเตอร์ออกมาผสมกับตัวตนของเขาได้สมจริงมาก

โลเคชันชวนหลอน

เรื่องนี้เราไปถ่ายทำกันหลายที่ อย่าง “สะพานพุทธ” จริงๆ ไม่หลอน แต่คืนสุดท้ายที่เราไปมีเหตุการณ์ปล่อยข่าวว่ามีคนโดดสะพาน เรียกว่าหลอนได้เลยนะ ที่เลือกไปถ่ายที่สะพานพุทธ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราเป็นเด็กต่างจังหวัด ตอนมาอยู่กรุงเทพฯ ครั้งแรกผมอยู่แถวปิ่นเกล้า ชอบไปเที่ยวเล่นที่สะพานพุทธเสมอ เรียกว่าเป็นโลเคชันในความทรงจำที่เราประทับใจ แต่พอเรามาถ่ายจริงๆ ตรงจุดนี้ค่อนข้างวุ่นวายมาก กลายเป็นว่าที่นี่ถ่ายหนังยาก คนเดินไปมาเยอะมาก ทีมงานพวกเราก็เดินไปเจอโป๊ะหนึ่งซึ่งผมชอบมาก แบ็กกราวด์เราจะเห็นสะพานพุทธสวยมาก ตกกลางคืนมีเรือท่องเที่ยวแล่นผ่านเปิดไฟสวยงาม บางลำก็จอดดูให้กำลังใจด้วย เลยเลือกให้ตรงจุดนี้เป็นที่พักไรเดอร์ ซึ่งความจริงเอาไปทำเป็นที่ส่วนตัวแบบในหนังไม่ได้หรอก

โลเคชันที่หลอนจริงร้างจริงมี 2-3 ที่ อย่าง “โรงพยาบาลร้าง” เราเลือกสถานที่เป็นโรงพยาบาลร้างของจริงเลย เพราะมันมีเหตุการณ์มากมายในเรื่องที่เกี่ยวพันกับที่นี่ ด้วยฟังก์ชันหลายอย่างมีความเหมาะสมที่จะใช้สถานที่นี้ มันยังมีกลิ่นของยา มีอุปกรณ์เครื่องมือหลายสิ่งที่ยังคงอยู่ เราไม่ได้เลือกที่นี่เพราะต้องการคอนเทนต์ใดๆ แต่อยากให้ได้ความน่ากลัว ความรู้สึกของนักแสดงได้สัมผัสกับของจริง ได้บุกลุยโรงพยาบาลร้างจริง มีความเรียลมากขึ้น จนนักแสดงแซวกันว่าทำไมต้องมาถ่ายที่จริงกันขนาดนี้ครับ แต่จุดหนึ่งที่คิดว่าหลอนสุดน่าจะเป็นตรงห้องเก็บศพ ทั้งๆ ที่เราบอกแล้วว่าห้องนี้เซตขึ้นมานะ แต่นักแสดงยังยกมือไหว้กันตลอด ขนาดผมไปวันแรกผมยังยกมือไหว้เลยครับ อย่างที่บอกว่ากลิ่นมันใช่ บรรยากาศมันได้ เอื้อกับการถูกผีหลอกมาก

 

อีกสถานที่หนึ่งที่น่ากลัวและอยากพูดถึงคือ “วัดแถวปทุมธานี” เป็นวัดที่ผมชอบโครงสร้างมาก มีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี มีความโบราณ ตรงที่เป็นเจดีย์บรรจุอัฐิข้างเมรุทำงานได้สะดวก เข้ากับเหตุการณ์ในเรื่องที่มีพิกัดหลอนส่งมาให้ตามสืบอะไรบางอย่าง ชาวแก๊งไรเดอร์เลยต้องมาที่วัดนี้ โอ้-โน่-พี่อาร์ตต้องเข้าไปลุยเจดีย์นี้กันจริงๆ มีการขอขมายกมือไหว้ขอทำงานกันก่อน แต่พอเป็นด้านหน้าวัดที่ทีมอาร์ตไปเซตฉากสุสานเอาไว้ มันเหมือนจริงมากจนใครๆ ที่มาเจอต่างถามกันว่าอันนี้ของจริงไหม ถึงจะบอกว่าเซตมา แต่นักแสดงก็สงสัยกันตลอด อย่างที่ผมบอกพอบรรยากาศมันได้ ความกลัวจริงๆ ความรู้สึกของทุกคนก็มาเต็ม แล้วตอนที่ถ่ายฉากตรงนี้ก็ตี 1 ตี 2 เลย คงจะมีทั้งความง่วงและความกลัวปนกัน แต่ที่ประทับใจคือนักแสดงเราสปิริตดีมากครับ

การดีไซน์การขับขี่มอเตอร์ไซค์ของไรเดอร์

มอเตอร์ไซค์ถือเป็นอุปกรณ์หลักอีกชิ้นของความเป็น “ไรเดอร์” ทุกคนต้องขี่มอเตอร์ไซค์กันตลอดเวลา ตอนที่ได้ตัวทีมนักแสดงมาแล้ว ผมต้องเช็กเลยว่าแต่ละคนขี่ได้ไหมเป็นยังไง มาริโอ้นี่สบายมาก เป็นนักขับอยู่แล้ว เซียนหรั่งก็สบายขี่ได้แน่นอน แต่ดีเจอาร์ตไม่ได้ขี่เป็นกิจวัตรแต่ขี่ได้ ผมให้เขาขี่จริงเข้าไปในเยาวราช ไปชุมชนพร้อมกันทั้ง 3 คน ทุกคนก็สามารถขี่กันได้อย่างปลอดภัยครับ

ความที่อยากจะได้มอเตอร์ไซค์สไตล์ซิ่งมีไฟติด นึกภาพว่าถ้าทั้ง 3 คนขี่รวมกันแล้วมีแสงไฟมันจะดูสวยดีเหมือนกัน เหมือนพวกรถตุ๊กตุ๊กที่มีไฟติดตอนกลางคืน แต่ไฟนี่แหละที่มันมักจะติดๆ ดับๆ อยู่ตลอดเวลา กำลังขี่กันสนุกๆ ไฟรถดับ เวลาจะขี่หนีผีตื่นเต้นไฟรถก็ดับ ต้องคอยแก้ไขกันไปเรื่อยๆ ครับ

เรียกไรเดอร์ไปดูไรเดอร์

ด้วยความที่ตัวละครหลักของเรื่องเป็น “ไรเดอร์” การไปเจอผีแต่ละตัวออกมาหลอกหลอนระหว่างทำงาน มีทั้งความน่ากลัวและความสนุกควบคู่ไปด้วยกัน มันทำให้เพลินและลุ้นไปกับภารกิจที่ต้องทำว่าจะสำเร็จมั้ย เหมือนเล่นเกมแล้วต้องผ่านแต่ละด่านไปเพื่อเป้าหมาย มีทั้งมิตรภาพดีๆ ฉบับคนไทยระหว่างทางของตัวละคร ผมมองว่าเราทำหนังเรื่องนี้เพื่อความบันเทิงเต็มขั้น ผู้ชมจะเหมือนได้กินส้มตำ ครบรส นัว รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอนครับ

 

ไรเดอร์ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 10 ธันวาคมนี้

 

Words: Sritala Supapong

Photos: Courtesy of Sahamongkolfilm

you might like

Scroll to Top