เหตุผลที่ McLaren จับมือพันธมิตรแฟชั่น ‘มาย ภาคภูมิ’ และแบรนด์ POEM  

จากรถแข่ง McLaren แตกไลน์ออกไปผลิตรถซูเปอร์คาร์ ไฮเปอร์คาร์ มีแม้กระทั่งจักรยาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แมคลาเรนสำนักงานใหญ่ทำคอลแลบรัวๆ กับแบรนด์แฟชั่น ส่วนดีลเลอร์ของแมคลาเรนในไทย บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ประกาศให้ มาย – ภาคภูมิ ร่มไทรทอง เป็น Friend of McLaren Bangkok คนแรกของประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2024

ตามมาด้วยครั้งแรกในวงการแฟชั่นไทยกับคอลเล็กชั่นพิเศษใน McLaren x POEM ซึ่งขับพาให้แมคลาเรน, มาย ภาคภูมิ และ POEM สามแบรนด์ทรงอิทธิพลที่เหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันมาเจอกันได้

ทำไมแบรนด์รถซูเปอร์คาร์ระดับโลกสนใจแฟชั่น The Optimized จะเล่าให้ฟัง

McLaren ก่อตั้งโดย Bruce McLaren นักแข่งรถชาวนิวซีแลนด์ที่ในปี 1959 กลายเป็นผู้ชนะกรังด์ปรีซ์อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น ด้วยวัย 22 ปี 80 วัน ก่อนจะคว้าชัยในกรังด์ปรีซ์อีกนับครั้งไม่ถ้วนในเวลาต่อมา

บรูซจึงมองหายอดเขาสูงลูกอื่นมาท้าทายตัวเองต่อไป เขาตั้งทีมของตัวเอง ผลิตรถแข่งเอง จนในปี 1964 ‘M1A’ รถแข่งคันแรกจาก ‘ค่ายรถสีส้มมะละกอสุก’ ก็ออกมาบดสนามแข่งในยุโรปและอเมริกา

หลังจากคว้าชัยครั้งแรกในฟอร์มูล่าวันในสนามเบลเยียมกรังด์ปรีซ์ในปี 1968 จากนั้นแมคลาเรนได้สร้างประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ ชนะกรังด์ปรีซ์ถึง 185 ครั้ง และเป็นทีมรถแข่งเก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในฟอร์มูล่าวันรองจาก Ferrari

เหตุผลหนึ่งที่แบรนด์รถซูเปอร์คาร์ (ที่มีทีมรถแข่งด้วย) กับแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จับมือกัน ก็ด้วยอานิสงก์ความโด่งดังของรายการเรียลลิตี้โชว์ Formula 1: Drive to Survive ทางเน็ตฟลิกซ์ ที่ทีมดังๆ ในฟอร์มูล่าวันไฟเขียวให้กล้องตามถ่ายนักแข่งรถนอกสนามแข่งได้เป็นครั้งแรก ซึ่งฮิตติดลมบนจนซีซั่น 6 สตรีมไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

McLaren Artura Spider

นอกจากฟอร์มูล่าวันซึ่งมีผู้ชมทั่วโลกในปี 2023 ประมาณ 70.3 ล้านราย การแข่งรถอื่นๆ ก็พลอยได้รับความสนใจไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น IndyCar, Formula E, Extreme E และ esports ช่วยเพิ่มกลุ่มคนดูใหม่ๆ ในกีฬาแข่งรถมากขึ้น โดย 40% เป็นผู้หญิง เฉพาะในปี 2023 มีผู้คนมากกว่า 6 ล้านรายซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งรถรายการต่างๆ

ซูเปอร์คาร์เองก็ไม่ต่างจากแฟชั่นลักชัวรีที่ต่างก็เจอปัญหา ‘ฐานลูกค้าสุกงอม’ อิ่มตัวเต็มที่ในเซกเมนต์ระดับบนของตนเองแล้ว การเติบโตเริ่มชะลอตัว วิธีการที่แบรนด์ซูเปอร์คาร์และแบรนด์แฟชั่นลักชัวรีใช้ก็เหมือนกันอีก คือต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น ‘ไลฟ์สไตล์แบรนด์’ และเปลี่ยนกลยุทธ์ จาก product-driven ไปเป็น brand-driven

Anita Balchandani หุ้นส่วนอาวุโสของ McKinsey กล่าวว่า ลำพังแค่แบรนด์สื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเดิมด้วยคอร์โปรดักต์เดิมไม่อาจทำให้แบรนด์อยู่รอดได้ในทุกวันนี้ แบรนด์หรูทั้งหลาย จึงต้องแตกแขนงออกไปจากรากเดิมของตน แบรนด์รถก็ทำแฟชั่น แบรนด์แฟชั่นทำเสื้อผ้าให้แบรนด์รถ เป็นต้น

ลูกค้ารถเริ่มซื้อสินค้าข้ามประเภทในแบรนด์เดียวกัน และภักดีกับแบรนด์ได้อยู่ ส่วนลูกค้าใหม่ที่อาจจะซื้อซูเปอร์คาร์ไม่ได้ แต่มีกำลังซื้อหมวกสักใบ หรือแว่นกันแดดสักอัน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์แฟชั่นใช้กันมานาน บางคนอาจซื้อกระเป๋าใบละเป็นแสนไม่ได้ แต่สามารถซื้อลิปสติกหลักพัน แต่ก็ได้เป็นเจ้าของความลักชูได้เหมือนกัน

ในช่วงโควิดเป็นต้นมา พฤติกรรมของผู้บริโภคในกลุ่มกระเป๋าหนัก (High-net-worth individuals – HNWIs) นอกจากจะใช้แบรนด์หรูแล้ว ยังต้องการแบรนด์ที่น่าเชื่อถือยิ่งกว่าที่เคย เช่น แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพมายาวนาน ดีไซน์และวัสดุทนทานส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ ฯลฯ

ซูเปอร์คาร์ระดับตำนานและแบรนด์แฟชั่นเก่าแก่จึงได้เปรียบ และสินค้าสองประเภทนี้มีผู้บริโภครวมกันประมาณ 380 – 390 ล้านรายทั่วโลก ดังนั้น การคอลแลบจับมือกันทำโปรเจกต์พิเศษจึงวิน-วินทั้งคู่ เช่น

ในปี 2021 แมคลาเรนขับเข้าสู่เส้นทางใหม่ที่ไม่คุ้นเคยที่ชื่อ ‘ปารีสแฟชั่นวีค’ โดยทำคอลเล็กชั่นร่วมกับ Rhude แบรนด์สตรีตแวร์ของ Rhuigi Villaseñor แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวมาเลเซียที่อพยพไปอยู่อเมริกาในวัย 11 และเรียนตัดเย็บด้วยตนเอง จนเกิดเป็นแบรนด์สุดฮิปที่มีลูกค้าคนดังทั้งนักร้องนักกีฬา เช่น LeBron James, Jay-Z, Justin Bieber และ Lewis Hamilton เขายังเป็นชาวมาเลเซียคนแรกที่เคยเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของ BALLY แบรนด์แฟชั่นหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2022-2023

ในปี 2024 ทำคอลแลบ McLaren x Levi’s แบรนด์เดนิมอายุ 171 ปีที่ทำรายได้ในปี 2023 ไปถึง 6,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตีความยีนส์คลาสสิกของโลก Levie’s 501® เข้ากับความสมบุกสมบันของการแข่งรถฟอร์มูล่าวันที่นักแข่งเหยียบคันเร่งทำความเร็วเฉลี่ยที่ 354 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในรอบที่ทำความเร็วสูงสุดก็เกินกว่า 370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รวมทั้ง McLaren x Abercrombie & Fitch คอลแลบกับไลฟ์สไตล์แบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ทำยอดขายรวม 4,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 จาก 760 สาขาทั่วโลก

PUMA เป็นพาร์ตเนอร์กับฟอร์มูล่าวันมาอย่างยาวนาน ในปี 2023 ประกาศแต่งตั้ง A$AP Rocky แรปเปอร์ชาวอเมริกันที่มีผู้ติดตาม 19 ล้านบัญชีในอินสตาแกรมเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แผนก F1 ที่เปิดตัวเสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรีส์ในช่วงที่มีการแข่งรถลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์ และแน่นอนว่า SOLD OUT

Ferrari แตกไลน์ทำแบรนด์แฟชั่น ออกคอลเล็กชั่นจริงจัง ทำแฟชั่นโชว์ในมิลานแฟชั่นวีค

Mercedes-Benz เป็นสปอนเซอร์แฟชั่นวีคต่างๆ มานาวนาน 27 ปี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเปิดตัวโปรเจกต์ที่ร่วมงานกับ Virgil Abloh อดีตครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ Louis Vuitton แผนกเครื่องแต่งกายชายผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์และปลุกความตื่นเต้นให้กับแบรนด์ Mercedes-Benz

แบรนด์ซูเปอร์คาร์เก่าแก่มักขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่สั่งสมมายาวนาน จึงต้องเลือกร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อชั้นเรื่องคุณภาพเป็นเลิศเช่นกัน

นอกจากฟอร์มูล่าวันซึ่งมีผู้ชมทั่วโลกในปี 2023 ประมาณ 70.3 ล้านราย การแข่งรถอื่นๆ ก็พลอยได้รับความสนใจไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น IndyCar, Formula E, Extreme E และ esports ช่วยเพิ่มกลุ่มคนดูใหม่ๆ ในกีฬาแข่งรถมากขึ้น โดย 40% เป็นผู้หญิง เฉพาะในปี 2023 มีผู้คนมากกว่า 6 ล้านรายซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งรถรายการต่างๆ

ซูเปอร์คาร์เองก็ไม่ต่างจากแฟชั่นลักชัวรีที่ต่างก็เจอปัญหา ‘ฐานลูกค้าสุกงอม’ อิ่มตัวเต็มที่ในเซกเมนต์ระดับบนของตนเองแล้ว การเติบโตเริ่มชะลอตัว วิธีการที่แบรนด์ซูเปอร์คาร์และแบรนด์แฟชั่นลักชัวรีใช้ก็เหมือนกันอีก คือต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น ‘ไลฟ์สไตล์แบรนด์’ และเปลี่ยนกลยุทธ์ จาก product-driven ไปเป็น brand-driven

Anita Balchandani หุ้นส่วนอาวุโสของ McKinsey กล่าวว่า ลำพังแค่แบรนด์สื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเดิมด้วยคอร์โปรดักต์เดิมไม่อาจทำให้แบรนด์อยู่รอดได้ในทุกวันนี้ แบรนด์หรูทั้งหลาย จึงต้องแตกแขนงออกไปจากรากเดิมของตน แบรนด์รถก็ทำแฟชั่น แบรนด์แฟชั่นทำเสื้อผ้าให้แบรนด์รถ เป็นต้น

ลูกค้ารถเริ่มซื้อสินค้าข้ามประเภทในแบรนด์เดียวกัน และภักดีกับแบรนด์ได้อยู่ ส่วนลูกค้าใหม่ที่อาจจะซื้อซูเปอร์คาร์ไม่ได้ แต่มีกำลังซื้อหมวกสักใบ หรือแว่นกันแดดสักอัน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์แฟชั่นใช้กันมานาน บางคนอาจซื้อกระเป๋าใบละเป็นแสนไม่ได้ แต่สามารถซื้อลิปสติกหลักพัน แต่ก็ได้เป็นเจ้าของความลักชูได้เหมือนกัน

ในช่วงโควิดเป็นต้นมา พฤติกรรมของผู้บริโภคในกลุ่มกระเป๋าหนัก (High-net-worth individuals – HNWIs) นอกจากจะใช้แบรนด์หรูแล้ว ยังต้องการแบรนด์ที่น่าเชื่อถือยิ่งกว่าที่เคย เช่น แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ขึ้นชื่อในเรื่องคุณภาพมายาวนาน ดีไซน์และวัสดุทนทานส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ ฯลฯ

ซูเปอร์คาร์ระดับตำนานและแบรนด์แฟชั่นเก่าแก่จึงได้เปรียบ และสินค้าสองประเภทนี้มีผู้บริโภครวมกันประมาณ 380 – 390 ล้านรายทั่วโลก ดังนั้น การคอลแลบจับมือกันทำโปรเจกต์พิเศษจึงวิน-วินทั้งคู่ เช่น

ในปี 2021 แมคลาเรนขับเข้าสู่เส้นทางใหม่ที่ไม่คุ้นเคยที่ชื่อ ‘ปารีสแฟชั่นวีค’ โดยทำคอลเล็กชั่นร่วมกับ Rhude แบรนด์สตรีตแวร์ของ Rhuigi Villaseñor แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวมาเลเซียที่อพยพไปอยู่อเมริกาในวัย 11 และเรียนตัดเย็บด้วยตนเอง จนเกิดเป็นแบรนด์สุดฮิปที่มีลูกค้าคนดังทั้งนักร้องนักกีฬา เช่น LeBron James, Jay-Z, Justin Bieber และ Lewis Hamilton เขายังเป็นชาวมาเลเซียคนแรกที่เคยเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของ BALLY แบรนด์แฟชั่นหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2022-2023

ในปี 2024 ทำคอลแลบ McLaren x Levi’s แบรนด์เดนิมอายุ 171 ปีที่ทำรายได้ในปี 2023 ไปถึง 6,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตีความยีนส์คลาสสิกของโลก Levie’s 501® เข้ากับความสมบุกสมบันของการแข่งรถฟอร์มูล่าวันที่นักแข่งเหยียบคันเร่งทำความเร็วเฉลี่ยที่ 354 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในรอบที่ทำความเร็วสูงสุดก็เกินกว่า 370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รวมทั้ง McLaren x Abercrombie & Fitch คอลแลบกับไลฟ์สไตล์แบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ทำยอดขายรวม 4,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 จาก 760 สาขาทั่วโลก

PUMA เป็นพาร์ตเนอร์กับฟอร์มูล่าวันมาอย่างยาวนาน ในปี 2023 ประกาศแต่งตั้ง A$AP Rocky แรปเปอร์ชาวอเมริกันที่มีผู้ติดตาม 19 ล้านบัญชีในอินสตาแกรมเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แผนก F1 ที่เปิดตัวเสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรีส์ในช่วงที่มีการแข่งรถลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์ และแน่นอนว่า SOLD OUT

Ferrari แตกไลน์ทำแบรนด์แฟชั่น ออกคอลเล็กชั่นจริงจัง ทำแฟชั่นโชว์ในมิลานแฟชั่นวีค

Mercedes-Benz เป็นสปอนเซอร์แฟชั่นวีคต่างๆ มานาวนาน 27 ปี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเปิดตัวโปรเจกต์ที่ร่วมงานกับ Virgil Abloh อดีตครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ Louis Vuitton แผนกเครื่องแต่งกายชายผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์และปลุกความตื่นเต้นให้กับแบรนด์ Mercedes-Benz

แบรนด์ซูเปอร์คาร์เก่าแก่มักขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่สั่งสมมายาวนาน จึงต้องเลือกร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อชั้นเรื่องคุณภาพเป็นเลิศเช่นกัน

Photo: X @Be On Cloud

you might like

Scroll to Top