แบรนด์อาหารสัตว์ในไทยเติบโต เมื่อนุดเปย์ให้สมาชิกครอบครัวตัวสำคัญ

สูตรแม่และเด็ก วัยรุ่น สูงวัย 7 ปี+ พรีเมียม อัลตร้า ซูเปอร์ฟู้ด คุมโซเดียม ใส่โปรไบโอติกส์ บำรุงขน ฟื้นฟูหลังผ่าตัด ไฮโปรตีน-โลว์คาร์บ ต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ

นุดผู้เป็นทาสหมา-ทาสแมวกำลังช้อปปิ้งอาหารไปให้นายท่าน ซึ่งทุกวันนี้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงไม่ได้แบ่งแค่อาหารเปียกกับอาหารเม็ด แต่แยกย่อยซอยสูตรละลานตา…และน่ากิน

นายท่านได้อาหารไปอิ่มท้องกันแล้ว บรรดาทาสนุดก็ได้อาหารใจไปเมื่อแบรนด์ต่างๆ ทุ่มทุนสร้างเปย์คนดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น อาโปกับ Ostech, เจษ-ไบเบิ้ลกับ Kaniva ไปจนถึงพี่จอง-คัลแลนกับ Jerhigh สะท้อนว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยมีกำลังซื้อสูงขึ้น จากการที่ หมาแมวกลายเป็นสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization) ทำให้นุดสยบยอมเป็นทาส (Petriarchy) และนายท่านก้าวไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ช่วยหารายได้เข้าครอบครัว (Petfluencer)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดการณ์ว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2024 จะมีมูลค่าราว 7.5 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 12.4% จากปีก่อน

สาเหตุที่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตกระฉูดมาจากปัจจัยดังนี้

1.สัตว์เลี้ยงกลายเป็นสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization)

แนวโน้มนี้เพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์อยู่แล้วที่ปรับเปลี่ยนวิธีดูแล และกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงมือใหม่ที่เลี้ยงสัตว์เหมือนลูก จึงยอมเปย์ค่าดูแลสัตว์เลี้ยงต่อตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 41,100 บาทต่อตัวต่อปี สูงกว่าการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระที่มีค่าใช้จ่ายเพียงราว 7,745 บาทต่อตัวต่อปี

2.เลี้ยงสัตว์แบบตามใจจนยอมเป็นทาสหมา-ทาสแมว (Petriarchy)

สัตว์เลี้ยงคือผู้รับที่ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งต่างๆ ที่เจ้าของเลือกซื้อให้ นั่นแปลว่า เจ้าของเลือกซื้อของให้สัตว์เลี้ยงเพื่อตอบสนองความพอใจส่วนตัวเจ้าของเอง จึงยอมจ่ายมากขึ้นในส่วนของค่าอุปกรณ์ อาหารและค่าดูแลนายท่านทั้งหลาย

3.สัตว์เลี้ยงอัปเลเวลช่วยหารายได้เข้าครอบครัว (Petfluencer)

น้อนบางรายอาจมีคาแรกเตอร์จัด สร้างเรื่องจนเจ้าของทำคอนเทนต์แทบไม่ทัน น้อนจึงพัฒนาบทบาทจาก ‘สมาชิกในครอบครัวปกติ’ ไปเป็น ‘สมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้’ จากการมีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย หรือประกอบอาชีพเป็น Petfluencer น้อนๆ ในกลุ่มนี้จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์และค่าดูแลสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นและพวกทาสต้องจ่ายถี่ขึ้นด้วย เมื่อเทียบกับกลุ่มที่เลี้ยงในลักษณะเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) แบบทั่วๆ ไป

Photo: FB ปลาทูหมาหน้าจิกไม่เกรงใจไข่

พี่ทู Petfluencer มีนุดลูกเพจถึง 5.6 แสนราย เพราะชอบมาส่องสีหน้าเอือมระอาเหลือเชื่อของพี่ทูต่อพฤติกรรมของทาสที่มักจะเต้นแหวกๆ ต่อหน้าพี่ทูและเดอะ แก๊งทุกวัน

Photo: FB Gluta Story

นมกล่อง หมาจรจอมทำลายล้าง สมาชิกใหม่ของบ้าน Gluta Story ผู้บุกเบิก Petfluencer รุ่นแรกๆ ของเมืองไทยจากคู่ซี้ กลูต้ากับกอลลั่ม จนมีลูกเพจกว่า 1.4 ล้าน บ้านนี้มีอินฟลูตัวทายาทมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเบต้า เพื่อนซี้ของนมกล่อง เมิร์ล สนิม หรือลูกชิ้น

เทรนด์ “การเลี้ยงแบบครอบครัว-ที่ตามใจ-และสร้างรายได้” ส่งผลให้มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยเติบโตขึ้นมาก คาดว่าจะแตะ 7.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 12.4 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.5%

รูปแบบการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงในไทยแบ่งออกเป็น 2 ประการ ดังนี้

1.กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและบริการรักษาสัตว์

กลุ่มนี้เติบโตจากกระแสดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ที่มากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา  เช่น เริ่มซื้ออาหารเฉพาะเพิ่มมากขึ้น เลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาในอนาคตจากการให้อาหารที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงในระยะยาว ฯลฯ

นุดในกลุ่มนี้มักซื้ออาหารเกรดพรีเมียมราคาสูง เช่น อาหารเปียก อาหารดิบที่ไม่ผ่านความร้อน (BARF) ส่งผลให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2024 ขยายตัวโดยมีมูลค่าแตะ 4.46 หมื่นล้านบาท บนค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.0%

นุดยังเดือดร้อนใจมากเวลานายท่านป่วยไข้ไม่สบายตัว ส่งผลให้มูลค่าบริการรักษาสัตว์เติบโตต่อเนื่องที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 21.7% ด้วยมูลค่า 6.64 พันล้านบาทในปี 2024

Photo: IG@biblesumett

ไบเบิ้ล ผู้สยบยอมเป็นทาสของแมวถึง 4 ท่านที่นานๆ ทีจะมาโชว์หน้าแมวๆ ให้เห็นในไอจีของทาส

2.กลุ่มอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและบริการดูแลสัตว์เลี้ยง

กลุ่มนี้ได้รับแรงหนุนทั้งจากกระแสการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) การเลี้ยงเสมือนคนในครอบครัวแบบตามใจ (Petriarchy) และสมาชิกในครอบครัวที่สามารถสร้างรายได้ (Petfluencer)

นุดจึงพานายท่านหมาแมวไปเข้ารับบริการดูแลและคอยจัดหาอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าตลาดอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและบริการดูแลสัตว์เลี้ยงมีค่าการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.3% และ 16.7% โดยคาดว่ามีมูลค่า 2.29 หมื่นล้านบาท และ 0.66 พันล้านบาทตามลำดับ

รูปแบบการเลี้ยงนี้ยังส่งผลทางอ้อมถึงธุรกิจและบริการต่างๆ เช่น กลุ่มโรงแรมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ธุรกิจรับฝึกสัตว์เลี้ยงให้กลายเป็น Petfluencer ธุรกิจเกี่ยวกับบริการรักษาสัตว์แบบ Veterinary Telemedicine หรือ Virtual Vet ในกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เจ้าของอาจไม่สะดวกเดินทางพาสัตว์เลี้ยงเข้ารับการรักษา เป็นต้น

Photo: IG@apo555

อาโปกับการจกแมวของเขา

ประเทศไทยยังรันวงการอาหารสัตว์ระดับโลก โดยศูนย์วิจัยกสิกรเปิดเผยว่า ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 4 ของโลก และเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นฐานการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่ครบวงจร คือมีทั้งวัตถุดิบต้นน้ำ เช่น แป้ง ธัญพืช อาหารทะเล และเนื้อสัตว์อื่นๆ เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งอาหารสุนัข แมว นก กระต่าย ปลา ฯลฯ และเป็นผู้จัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง สัดส่วนในประเทศ 33% และส่งออก 67%

ปี 2024 คาดว่ายอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยจะอยู่ที่ 3.75 แสนตัน เพิ่มขึ้น 5.9% จากจำนวนสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น

ปี 2024 คาดว่าสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของในไทยจะมีประมาณ 5.7 ล้านตัว เพิ่มขึ้น 22% แบ่งเป็นสุนัข 3.7 ล้านตัว แมว 2 ล้านตัว ยอดขายอาหาร 76% จึงเป็นอาหารสุนัข

แต่แมวน่าจะไล่ตามมาติดๆ เนื่องจากมีนุดตกเป็นทาสแมวมากขึ้น 22% ต่อปี เยอะกว่าการเพิ่มของสุนัขที่ 15% ต่อปี

Photo: IG@jespp

เจษกับตาล แมวจรท่านหนึ่งจากบรรดาแมวจรมากมายในบ้าน

พื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูงคือ กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีสัตว์เลี้ยงประมาณ 3.1 แสนตัว คนในพื้นที่ดังกล่าวมีรายได้เฉลี่ย 35,901 บาท/เดือน รายได้เฉลี่ยคนทั้งประเทศอยู่ที่ 29,030 บาท/เดือน

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงจึงดึงดูดผู้ผลิตรายใหม่ๆ เข้ามา จากปี 2023 มีผู้ประกอบการธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 296 ราย ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2024 มีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นอีก 29 ราย

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกยังเติบโตขึ้นต่อไป เนื่องจากโครงสร้างประชากรที่แปรเปลี่ยน มีผู้สูงอายุมากขึ้นที่หาสัตว์เลี้ยงมาอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงา และครอบครัวเล็กลงเนื่องจากคนแต่งงานช้าลง มักเป็นโสด หรือแต่งงานแต่ไม่มีลูก จึงเลี้ยงสัตว์เสมือนลูกนั่นเอง

Photo: FB Ostech Thailand

อาโป – ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแบรนด์ Ostech เมื่อ 1 กันยายน 2024 ซึ่งพาให้ #OstechXApo ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ X ในไทย และอันดับ 5 เทรนด์ X โลก ออสเทคมีอาหารเม็ดนายท่านแมวหลายสูตร ทั้ง Original, Premium, Superfood UItra และ Superfood Ultimate ไปจนถึงอาหารเปียกแมว ออสเทค อัลตร้า เนื้อปลาทูน่าเกรดคนรับประทาน

Photo: IG@cullen_hateberry

พี่จองกับคัลแลน พรีเซนเตอร์คู่ของ Jerhigh MORE สูตรอาหารคัดพิเศษจากทีมโภชนาการสัตว์เลี้ยงมืออาชีพ ควบคุมโซเดียม ใช้อาหารเกรดคนรับประทาน มีทั้งสูตร Breeders กู้ขนสวย ลดคราบน้ำตา รูปร่างสมส่วน และสูตร Grain Free ไม่ผสมข้าวโพด ถั่วเหลือง และกลูเตน ลดความเสี่ยงอาการแพ้

Photo: IG@jespp

พ่อแมวทั้งสอง เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ และ ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล ก่อนจะเล่นซีรีส์ 4MINUTES ด้วยกัน พวกเขาเป็นพรีเซนเตอร์ของ Kaniva ซึ่งเพิ่งเปิดตัวครั้งแรกในโลก อาหารเปียกคานิว่าในไข่ตุ๋น Kaniva Steam Egg โปรตีน 13-14% จากไข่ตุ๋นนุ่มๆ รูปแบบใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

คานิว่ายังสูตรคิดค้นวิจัย 4 Antioxidants สูตรเฉพาะคานิว่าในสูตร Senior Care 7+ สำหรับแมวสูงวัย ใส่ Green Tea Extract, Rosemary Extract, Cranberry และ Blueberry ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์สูงช่วยชะลอวัยและความเสื่อมของเซลล์ พร้อมช่วยดูแลระบบทางเดินปัสสาวะ และยังเป็นแบรนด์แรกในไทยที่มีการใส่ Collagen Type 2 ช่วยดูแลสุขภาพข้อต่อ

แต่ละเจ้า แต่ละแบรนด์บรรยายสรรพคุณอาหารหมาแมวจนทาสเลือกไป น้ำลายไหลไป งั้นก่อนจะให้นายท่าน ทาสขอแอบชิมหน่อยจิ๊!

Words: Sritala Supapong

ข้อมูลจาก

you might like

Scroll to Top