Blood Free แบรนด์เนื้อสัตว์ที่ชูจุดขาย ‘ปลอดพยาธิ ไมโครพลาสติก สารปรอท’

เจาะความสำเร็จของ Blood Free บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ก้าวมาเป็นเจ้าตลาด ‘เพาะเซลล์ในห้องแล็บ’ ที่ผลิตได้ทุกอย่างจากจานเพาะเนื้อเยื่อ ตั้งแต่เนื้อวัว หมู ไก่ ปลา อาหารทะเล ไปจนถึงหนังและเฟอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น

เนื้อ หนัง ขนสัตว์ที่ไม่มีสัตว์ตัวไหนต้องตาย

“เนื้อแบบไหนที่คุณอยากกิน?”

นั่นคือคำถามต่อผู้บริโภคของ ยุน จายู ซีอีโอของ BF ที่ไม่ได้ย่อจาก Beef แต่ย่อจาก Blood Free เพราะบริษัทเทคโยโลยีชีวภาพสัญชาติเกาหลีแห่งนี้ผลิตเนื้อหมู เป็ด ไก่ได้จากการเพาะเซลล์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้กินเนื้อสัตว์แบบไม่ต้องสังเวยชีวิตสัตว์

ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา เหล่าคนรักเนื้อทั่วโลกตอบรับกับ ‘เนื้อสัตว์’ ของ BF ซึ่งประสบความสำเร็จในการเพาะเนื้อห้องแล็บจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้เป็นครั้งแรก

ต่อมา BF ได้ขยายไปสู่การเพาะหนังสัตว์และเฟอร์ในห้องแล็บ ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ให้ผู้บริโภคได้ใช้หนังและเฟอร์โดยไม่ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อของจระเข้ ตัวมิงค์ ลูกวัว แกะ หรือสัตว์ชนิดใดที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น

Photo: Krungthai COMPASS

หลังจากก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน ปัจจุบัน BF ได้ครองส่วนแบ่งการตลาดเนื้อสัตว์ห้องแล็บถึง 72%

และ BF ทำให้เนื้อสัตว์ที่มาจากการฆ่าสัตว์คืออดีตไปเสียแล้ว    

 ยุน จายูกล่าวว่าเพื่อจะผลิตเนื้อสัตว์ในปริมาณเท่ากัน การเพาะเซลล์เนื้อสัตว์ใช้พื้นที่ในการผลิตเพียง 1% ของพื้นที่ที่ใช้ในการทำปศุสัตว์และพื้นที่กสิกรรมปลูกอาหารสัตว์ทั่วโลก การเลี้ยงวัว 1 ตัวนั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่ารถ 1 คัน

Photo: Krungthai COMPASS

และ BF ร่วมทำสงครามกับโลกรวนด้วยการขยายธุรกิจไม่เพียงบนภาคพื้นดินเท่านั้น แต่ยังผลิตอาหารจากท้องทะเลที่มีการบริโภคสูงสุด 4 ชนิด ได้แก่ ทูน่า แซลมอน แมคเคอเรล และกุ้ง โดยอาหารทะเลของแบรนด์ BF มีข้อได้เปรียบ 3 ประการ ได้แก่ ปลอดพยาธิ ไร้ไมโครพลาสติก ไม่มีสารปรอท จึงไม่เพียงปลอดการฆ่าสัตว์เท่านั้น แต่ยังปลอดอันตรายทั้งปวง และผลิตเนื้อสัตว์และอาหารทะเลได้ไม่จำกัดปริมาณ

Photo: Krungthai COMPASS

ในอีก 6 เดือนข้างหน้า BF จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ธัญพืชและพืชอาหาร (ได้แก่ พืชผัก ไม้ผล พืชไร่ พืชสมุนไพร และเครื่องเทศ) ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันฝรั่ง หรือแม้กระทั่งปาล์มน้ำมันที่เป็นหนึ่งในตัวการทำลายป่าไม้

ธุรกิจของ BF เติบโตอย่างก้าวกระโดดเพราะบุกตลาดเป็นเจ้าแรกๆ จนกลายเป็นเจ้าตลาด ‘เพาะเลี้ยงเซลล์ในห้องแล็บ’ ในปี 2025…

อ่านไม่ผิดหรอก นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2025 ของ ‘Blood Free’ ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ทาง Disney+ ที่นำธุรกิจมาแรงที่จะเติบโตถึงปีละ 82% และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าตลาดในปี 2030 ถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาซ้อนกับเรื่องราวแนวสืบสวนสอบสวนผสมแอ็กชั่น นำแสดงโดย จูจีฮุนจาก Kingdom และฮันฮโยจูจาก Moving

 

Photos: Disney+

ไทม์ไลน์ของ ‘เนื้อสัตว์ห้องแล็บ’  

เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงมีหลายชื่อเรียก อาทิ lab-grown meat, cultured meat, cultivated meat, in vitro meat, synthetic meat, clean meat หรือ cell-based meat ‘งอก’ ขึ้นมาอย่างไร ไปดูไทม์ไลน์กัน

1931: Winston Churchill อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษเคยเขียนความเรียงเรื่อง ‘Fifty Years Hence’ ที่ตั้งคำถามว่าเราจำเป็นต้องฆ่าไก่ทั้งตัว แต่กินแค่อกหรือปีก แล้วเราจะเพาะเอาสองส่วนนี้แยกออกมาเป็นอาหารได้หรือไม่

1950s: แนวคิดเรื่องการผลิตเนื้อสัตว์ในห้องแล็บเป็นข้อถกเถียงจริงจังครั้งแรกจากแนวคิดของนักวิจัยชาวดัตช์ Willem van Eelen ผู้ได้รับฉายาว่า “บิดาแห่งเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง”

Photo: Krungthai COMPASS

มีนาคม 2002: นักวิทยาศาสตร์ของ NASA เพาะเนื้อปลาขึ้นในแทงค์เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของแหล่งอาหารสำหรับนักบินอวกาศ โดยได้ข้อสรุปว่าเป็นไปได้ที่จะเพาะเลี้ยงเนื้อสัตว์ขึ้นได้ตามต้องการโดยไม่ต้องฆ่าสัตว์

สิงหาคม 2013: เบอร์เกอร์ไส้เนื้อเพาะเลี้ยงชิ้นแรกของโลกถูกปรุงและโดนง่ำจริงๆเป็นครั้งแรก นำโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แห่ง Maastricht University ในเนเธอร์แลนด์ที่นำเซลล์จากวัวไปเพาะเลี้ยง และเนื้อชิ้นนี้ถูกนำไปปรุงเป็นเบอร์เกอร์ที่งานสัมมนาในลอนดอน สนนราคาเบอร์เกอร์ไส้เนื้อเพาะเลี้ยงอยู่ที่ 330,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ธันวาคม 2020: สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในโลกที่ผ่านกฎหมายให้จำหน่ายเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงได้ และ Eat Just ก็เป็นร้านแรกที่ขายเนื้อส่งตรงจากห้องแล็บ

ธันวาคม 2021: Upside Foods บริษัทเทคโนโลยีในแคลิฟอร์เนียคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่สร้างเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงขึ้นโดยไม่ใช้องค์ประกอบใดๆจากสัตว์จริงๆเลย

Photo: Krungthai COMPASS

กรกฎาคม 2022: SciFi Foods สตาร์ตอัปในแคลิฟอร์เนียสามารถลดต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงลงได้ 1,000 เท่า

มีนาคม 2023: Tim Noakesmith ผู้ก่อตั้ง Vow บริษัทผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในออสเตรเลียเปิดตัว ‘มีตบอลเนื้อแมมมอธ’ ที่เพาะเลี้ยงจากดีเอ็นเอในขนแมมมอธที่ NEMO Science Museum ในอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีรสชาติคล้ายเนื้อจระเข้และเพาะเลี้ยงเซลล์กว่า 40,000 ล้านเซลล์ขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

Photo:Reuters

เหตุผลที่เลือกสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 4,000 ปีก่อนก็เพราะถ้าเป็นเนื้อสัตว์อื่นๆก็ไม่เป็นกระแสน่ะสิ และแมมมอธก็เป็นดั่งอุทาหรณ์ว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหมดอาจโดนภาวะโลกรวนกวาดล้างจนสิ้นซากไปในไม่อีกปี หากมนุษย์ยังคงกินอาหารอย่างที่กินกันอยู่ทุกวันนี้ ดังนั้นจึงใช้แมมมอธ สัญลักษณ์ของการสูญพันธุ์มาเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง

                                                               

Words: Sritala Supapong

ข้อมูลจาก

you might like

Scroll to Top