• Extraordinary Attorney Woo ซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวของทนายความออทิสติก ซึ่งเป็นซีรีส์ม้ามืดที่โกยเรตติ้งและยอดวิวไปทั่วโลก
• ในชีวิตจริงก็มี Haley Moss ทนายความ(ที่เปิดเผยว่าเป็น)ออทิสติกคนแรกของรัฐฟลอริด้า
• การนำเสนอคนออทิสติกในซีรีส์ดัง ไปจนถึงซีรีส์วายที่กลายเป็นกระแสหลัก ถือเป็นความจำเป็นของคนทำสื่อที่ต้องนำเสนอภาพของกลุ่มคนที่มีความแตกต่างหลากหลายให้สังคมได้มองเห็น จนกลายเป็นเรื่องปกติ
อูยองอูเป็นเด็กหญิงวัย 5 ขวบที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพูดเลยสักคำ แต่เมื่อเห็นบิดาถูกทุบตี หนูน้อยร่ายกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดอาญาโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น – นั่นคือครั้งแรกที่ยองอูพูดให้โลกได้ยิน และโลกทั้งใบของหนูน้อยก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ยองอูสอบเข้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University – SNU) สถาบันศึกษาอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ และเรียนได้คะแนนดีแบบแทบไม่ถูกหักเลย เพื่อนๆซึ่งท่องตำราตาแตกแต่เรียนสู้ยองอูไม่ได้ พากันตั้งฉายาให้เธอว่า ‘อูยองอูที่ยังไงก็ได้ที่ 1 อยู่ดี’ เพราะว่ายองอูจำทุกตัวอักษรในหนังสือทุกเล่มที่เคยอ่านมาในชีวิต
ยองอูเรียนจบด้วยคะแนนอันดับ 1 ของคณะ ซึ่งปกติแล้วบัณฑิตหัวกะทิเช่นนี้ต้องถูกสำนักงานกฎหมายเบอร์ต้นๆทั้งหลายรุมจีบ ทว่ายองอูกลับไม่ได้งานทำเลยสักแห่ง ทุกที่ล้วนพูดตรงกันว่า “เก่งนะ อัจฉริยะเลยเนี่ย แต่… แต่อูยองอูเป็นออทิสติก”
Autistic Spectrum Disorder – ASD มีคำอธิบายทางการแพทย์ว่า เป็นความบกพร่องในบางด้าน ไม่ใช่ทุกด้าน ซึ่งบางด้านนั้นได้แก่
- ความบกพร่องในการเข้าสังคม
- ความบกพร่องในการสื่อสาร ทั้งภาษาพูดและภาษากาย
- ความบกพร่องด้านพฤติกรรม มักทำพฤติกรรมเดิมๆ ซ้ำๆ และเป็นแบบแผน
สิ่งที่เยียวยาพฤติกรรมทำซ้ำเดิมของยองอูได้มีอยู่ 2 อย่าง คือ ความรักในปลาวาฬและกฎหมายอาญา สองสิ่งที่ยองอูจดจำข้อมูลได้ทุกอย่าง หลังจากหางานทำอยู่ 6 เดือน ยองอูถูกเรียกตัวซ้ำอีกครั้งจากสำนักงานกฎหมายฮันบาดา ซึ่งเคยปฏิเสธเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง และนี่คือประโยคแรกที่ยองอูกล่าวแนะนำตัวต่อเจ้านาย “สวัสดีค่ะ ฉันชื่ออูยองอู ไม่ว่าจะอ่านตามตัวหรืออ่านกลับด้านก็ อู-ยอง-อู”
ยองอูไม่ชอบเสียงดัง หลีกเลี่ยงคนเยอะๆ กินแต่คิมบับ ชอบจัดเรียงทุกอย่างให้เป็นระเบียบ เดินผ่านประตูหมุนไม่ได้ ชอบพูดถึงปลาวาฬ พูดไม่สบตา ไม่ชอบให้ใครแตะตัว หากก็เป็นทนายความที่มีความเข้าอกเข้าใจลูกความอย่างยิ่ง และยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ความยุติธรรมเสมอ แม้จะไม่ประสาเมื่อโดนเพื่อนร่วมงานอิจฉา ไร้เดียงสาต่อเล่ห์กลในห้องพิจารณาคดี กระทั่งแพ้พ่ายให้กับความโหดร้ายของโลก แต่ยองอูก็บอกกับพ่อซึ่งเลี้ยงเธอมาโดยลำพังว่า
“อย่าพยายามปกป้องไม่ให้หนูต้องเจ็บปวดเลย หนูอยากจะเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทุกๆอย่าง และหาทางอยู่กับมันให้ได้ด้วยตัวหนูเอง” และแม้หมอบอกว่ายองอูบกพร่องในการเข้ากับผู้อื่นและสื่อสารบกพร่อง แต่เมื่อเพื่อนสนิทขอให้ตั้งฉายาให้ ยองอูนิ่งคิดและกล่าวบอกกับเพื่อน(โดยไม่สบตา)ว่า “เธอเป็นเหมือนแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ เธอคอยบอกฉันว่าห้องเรียนอยู่ไหน เตือนเวลาอาจารย์ยกเลิกคลาส บอกว่าข้อสอบน่าจะออกอะไร คอยตะเพิดไม่ให้ใครๆมาแกล้งฉัน แม้แต่ตอนนี้เธอก็เปิดขวดน้ำให้และรับปากว่าจะบอกฉันถ้าวันไหนโรงอาหารมีคิมบับ”
ยองอูมีเพื่อนและเป็นเพื่อนแบบที่เราจะหาไม่ได้อีกเลยเมื่ออายุมากขึ้น หรืออาจไม่เคยมีเป็นเพื่อนหรือมีเพื่อนแบบนั้นแต่แรก Extraordinary Attorney Woo ออกฉายทางสถานีเคเบิลน้องใหม่ ENA ด้วยเรตติ้งจุ๋มจิ๋มแค่ 0.948 % แต่ในเอพิโซดต่อๆมา เรตติ้งดีดทะยานเกือบ 10% และเป็นซีรีส์ที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษที่มีผู้ชมมากที่สุดที่ฉายทาง Netflix
Haley Moss รู้ตัวครั้งแรกว่าเป็นออทิสติกตอนอายุ 3 ขวบ หมอบอกพ่อแม่ของเธอว่า เฮลีย์อาจพูดไม่ได้ แต่ถ้าโชคดีก็อาจจบมัธยม แต่ในวัย 13 เฮลีย์เขียนไกด์บุ๊คสำหรับนักเรียนที่เป็นออทิสติกและเป็นผู้บรรยายในการสัมมนาของสมาคมออทิสติกแห่งอเมริกา ครั้นอายุ 19 ปี เฮลีย์กลายเป็นทนายความออทิสติกคนแรกของรัฐฟลอริด้า เขียนหนังสือหลายเล่ม และเป็นกระบอกเสียงแก่ผู้ทุพพลภาพ
เฮลีย์เองก็เป็นแฟนซีรีส์ Extraordinary Attorney Woo และเข้าอกเข้าใจทุกสิ่งอย่างที่ทนายยองอูเผชิญ เฮลีย์เองก็ชอบใส่หูฟังตัดเสียงรบกวน ชอบกินเมนูเดิมๆ มีความลุ่มหลงในบางเรื่องมากๆ ยองอูอ่านเรื่องปลาวาฬได้ไม่รู้จักจบสิ้น เฮลีย์ก็วาดรูปไม่หยุดจักหยุดหย่อน จนมีผลงานศิลปะแสดงอยู่ตามแกลเลอรีในเซาธ์ฟลอริด้า ภาพวาดของเธอถูกประมูลแบบ SOLD OUT ทุกชิ้นในปี 2020 ก่อนจะมอบรายได้ให้กับ University of Miami และศูนย์ออทิสติกและภาวะทุพพลภาพที่ Nova Southeastern University
เฮลีย์ให้สัมภาษณ์กับ Korea Herald ว่า เธอเชื่อว่าในเกาหลีใต้มีทนายความที่เป็นออทิสติกในชีวิตจริง แต่ไม่ได้เปิดเผยตัว เพราะกลัวถูกตีตราและตัดสินเพียงเพราะเป็นออทิสติก “สิ่งแรกที่ทุกคนพูดถึงยองอู ไม่ใช่เรื่องที่เธอเรียนจบเป็นอันดับ 1 ของคณะนิติฯ ที่ SNU แต่ทุกคนพูดเรื่องที่เป็นออทิสติก” เฮลีย์กล่าว “พวกเราที่เป็นออทิสติกรู้สึกว่าต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคนทั่วไปมากๆเพื่อจะได้รับโอกาสและความนับถืออย่างที่คนอื่นๆได้รับ” แต่เฮลีย์ก็เลือกจะเปิดเผยตนว่าเป็นออทิสติก เพราะหากว่าหลบซ่อนปิดบัง แล้วเมื่อไรสังคมจะโอบรับคนที่เป็นออทิสติก หรือพูดให้ตรงกว่านั้นคือเมื่อไรสังคมจะโอบรับความแตกต่างหลากหลายของกันและกันได้
ดังนั้นการนำเสนอตัวละครออทิสติกอย่างอูยองอูในสื่อ และกลายเป็นซีรีส์ที่โด่งดังไปทั่วโลก คือการทำให้ความแตกต่างหลากหลายถูกมองเห็น หรือ Visibility เช่นเดียวกับซีรีส์สาย จากแต่ก่อนเป็นวัฒนธรรมรองที่ถูกดูแคลนจากวัฒนธรรมกระแสหลัก แต่วันนี้พลวัตพลิกกลับ กระแสธารแห่งความเปลี่ยนแปลงได้พัดพาให้ซีรีส์วายคือซอฟต์เพาเวอร์อันทรงอิทธิพล LGBTQ+ กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งมวลชน แม้แต่ในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ก็เกิดรายการเรียลิตี้จับคู่ออกเดทกันของชาว LGBTQ+ ออกมารัวๆ เช่น Merry Queer ซึ่งผู้ดำเนินรายการเป็นพิธีกรและไอดอลระดับท็อปของวงการอย่าง ชินดงยอบ, ฮานิจากวง EXID และฮงซอกชอน เชฟและนักแสดงซึ่งเปิดตัวว่าเป็นเกย์มานานในสังคมเกาหลีที่ LGBTQ+ เป็นเรื่องลึกลับดำมืดเสมอมา
แม้ภาพของ LGBTQ+ ในสื่อมักเป็นบทตลก ตัวสร้างสีสัน เป็นบทที่มีปัญหาทางจิตผิดหวังในรัก หากก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ตัวละครผู้มีความหลากหลายทางเพศปรากฏบนสื่อ เพราะจะทำให้คนที่ดูรู้ว่ามีคนแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งในสังคมและไม่ว่าจะเป็นคนออทิสติก คนทุพพลภาพ เด็กพิเศษ ชาว LGBTQ+ หรือกลุ่มคนใดๆที่เป็นชนกลุ่มน้อย เป็นคนชายขอบของสังคม แต่หากถูกนำเสนอและผลิตซ้ำในสื่อ ก็จะทำให้การดำรงอยู่ในสังคมของพวกเขากลายเป็นเรื่องปกติ ถูกพูดถึงอย่างเป็นปกติ ไม่ต้องซุกซ่อนปิดบังหรือทำเป็นไม่รับรู้ว่ามีพวกเขาอยู่ร่วมสังคมด้วย “ในอนาคตฉันอยากเห็นคนออทิสติกจริงๆมาแสดง อาจจะในซีซั่นต่อไป(ของ Extraordinary Attorney Woo) หรือในซีรีส์เรื่องอื่นๆมากขึ้น” เฮลีย์ฝากความหวัง