‘Not As Bitter’ คาเฟ่นิวยอร์กที่เสิร์ฟกาแฟใส่ผลไม้สด จากมะละกอจนถึงทุเรียนไทย!

Not As Bitter ร้านกาแฟเปิดใหม่ในนิวยอร์กซิตี้ที่ได้รีวิวดีในโลกโซเชียล เพราะลูกค้าแปลกใจในคอนเซ็ปต์แตกต่างที่ผสมผลไม้สดในกาแฟ และติดใจรสหวานของพืชพรรณที่ตัดรสขมของกาแฟ ซึ่งมีให้เลือกสารพัดเมนู ตั้งแต่ เอสเปรสโซองุ่นสด จนถึงลาเต้ใส่เนื้อทุเรียน   

Jeffrey และ Linda Wang คือผู้ก่อตั้งร้านกาแฟเปิดใหม่ในย่านอีสต์วิลเลจ นิวยอร์กซิตี้ที่ได้ชื่อว่า Not As Bitter อันมาจากความไม่ชอบรสขมของกาแฟของเจ้าของร้าน! แต่ดื่มได้แบบพอทน เพราะอันที่จริงชื่อเต็มๆของร้านคือ Not As Bitter As Work กาแฟที่ว่าขมก็ยังไม่ขม(ขื่น)เท่ากับงาน

เมนูของร้านที่เต็มไปด้วยกาแฟและตัวเลือกผลไม้สดต่างๆ

Photo: IG @queenz_nyc_, @lilyyyyycc

แม้จะไม่ชอบที่กาแฟมีรสขม แต่ทั้งสองมาเปิดร้านกาแฟได้เพราะรักในการทดลองนำวัตถุดิบต่างๆมาผสมตัดรสขมของกาแฟ จนวันหนึ่งไถโซเชียลไปเจอมิกโซโลจิสต์ในจีนที่ผสมผลไม้กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าด้วยกัน บิงโก!

ทั้งสองได้คอนเซ็ปต์ร้านกาแฟใส่ผลไม้สด Not As Bitter

“ผลไม้เนื้อครีมอย่างมะละกอ กล้วยหรือทุเรียนรสชาติเข้ากันมากกับเอสเปรสโซ เพราะรสหวานของผลไม้เหล่านี้ช่วยตัดรสขมของกาแฟได้ดี” ลินดากล่าว สูตรกาแฟผสมผลไม้ร้านนี้เรียบง่ายมาก นอกจากเนื้อผลไม้สดแล้วก็เติมแค่ไซรัป น้ำนมมะพร้าว ครีม และเอสเปรสโซ

บรรยากาศสุดขรึมของร้านให้ชวนให้ขมคอเพราะรสชาติกาแฟ

Photos: @risa_in_newyork

เจฟฟรีย์และลินดาไม่ใช้ผลไม้ชนิดอบแห้งหรือแบบผง เพราะรสชาติไม่เข้มข้นถึงใจ แต่ยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อสั่งผลไม้เมืองร้อนมาจากมาเลเซียและไทย เช่น มะละกอ กล้วย และทุเรียน ซึ่งกลายเป็นว่าไปเพิ่มต้นทุนมหาศาล จนทำให้ลาเต้ร้านนี้ราคาแก้วละ 8.50 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ลาเต้ของ Starbucks สนนราคาที่ Tall ($2.95), Grande ($3.65) และ Venti ($4.15) เรียกว่าราคาสูงกว่าหลายเท่า เพราะเนื้อทุเรียนที่ใส่ในกาแฟก็เฉลี่ยราคาแก้วละ 2 เหรียญเข้าไปแล้ว

แต่ลูกค้ายอมใจยอมจ่าย เพราะกาแฟใส่ผสมสดร้านนี้เจ้มจ้นจริงๆ อาทิ

Photo: IG @notasbitter

Freshly Durian ทุเรียนลาเต้ นางเอกของร้านที่มีลูกค้าท้ามาลองชิมกันมากที่สุด โดยทางร้านสั่งทุเรียนจากเมืองไทย

Photo: IG @notasbitter

No Sour Grapes กาแฟโคลด์บรูว์ผสมองุ่นสดงดรสเปรี้ยว มีแต่ความหวานสดชื่นแบบเพียวๆ เหมาะกับจิบหน้าร้อน

Photo: IG @notasbitter

Strawberry Fields หนึ่งในลาเต้ผลไม้ที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านในส่วนผสมเรียบง่าย ผลไม้ตามฤดูกาล เอสเปรสโซและนม

Photo: IG @notasbitter

MARADOL PAPAYA FRUIT LATTE มะละกอใส่ในอะไรได้หลายอย่าง ตั้งแต่แกงส้ม ส้มตำ และกาแฟ!

 Photos: IG @notasbitter

Double Pistachio Latte จัดเต็มให้คนรักพิสตาชิโอไปเลยถั่วเน้นๆ 2 เท่า ทั้งครีมพิสตาชิโอ น้ำนมพิสตาชิโอ และพิสตาชิโอสดโรยบนผิวลาเต้

Photo: IG @notasbitter

Jasmine Cofftea ชาจัสมินที่ให้กลิ่นหอมเย็นของดอกมะลิที่สดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะโรยดอกมะลิสดลอยเด่นเหนือลาเต้สีน้ำตาลอ่อนให้ด้วย

Photo: IG @notasbitter

Coconut Matcha Latte เคล้ารสขมของเอสเปรสโซกับรสขมของมัตจะตัดด้วยรสหวานของน้ำนมมะพร้าว ซิกเนเจอร์ของร้าน

Photo: IG @notasbitter

Avocado Toast อะโวคาโดเนื้อนุ่มเพิ่มรสนัตตี้ให้กับลาเต้แก้วนี้เหนียวหนับยิ่งขึ้นแบบคอมโบ

Photo: IG @notasbitter

BUTTER BEER FOAM เครื่องดื่มยอดฮิตในโลกเวทมนตร์ของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ที่บรรดาพ่อมดแม่มดดื่มได้ไม่เมา แต่เอลฟ์ประจำบ้านเมา โดยนักเขียนบรรยายรสชาติของบัตเตอร์เบียร์ว่า “ให้รสสัมผัสของบัตเตอร์สกอตช์ที่แอบเลี่ยนเล็กๆ” ที่ทางร้านพลิกแพลงสูตรมาขายในโลกจริงให้เหล่ามักเกิลได้ดื่มกัน                                                                            

กาแฟทุเรียนไม่ใช่เรื่องใหม่ขนาดนั้น ในเมืองไทยเองมีสวนทุเรียนทำขายมาหลายปีแล้ว บ้างก็ดัดแปลงเป็นกาแฟผงรสทุเรียนให้ชงดื่มได้ง่ายๆ เป็นการแปรรูปทุเรียนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอีกทาง

ใดๆก็ตามไม่ควรกินทุเรียนกับกาแฟ เพราะทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน จึงอาจไปเสริมฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟ ดังที่เคยมีข่าวว่ามีคนเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน หลังจากกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มชูกำลังและกาแฟ

นอกจากนี้ทุเรียนยังเป็นผลไม้แคลอรีสูง น้ำตาลเยอะ ขณะที่กาแฟเองก็เติมน้ำตาล ไซรัป และครีม ลาเต้ทุเรียนแก้วเดียวอาจให้แคลเลอรีกระฉูดจนหมอต้องสอบสวนคุณเลยละหลังเห็นผลตรวจสุขภาพว่าคุณไปกินอะไรมา

อีกทั้งยังเสี่ยงในรายที่มีโรคประจำตัวบางอย่างหรือกินยาบางชนิดอยู่ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง เนื่องจากทั้งทุเรียนและคาเฟอีนในกาแฟมีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ส่วนบางรายดื่มกาแฟผสมทุเรียนแล้วอาจมีอาการท้องอืด อึดอัด แน่นท้อง เนื่องจากทุเรียนและกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นระบบย่อยอาหารทั้งคู่

เจ้าของร้านบอกว่าตั้งแต่เปิดร้านมาก็ได้รับการตอบรับดีมาก มีลูกค้าเข้ามาลองกาแฟผสมผลไม้กันมากมาย โดยเฉพาะลาเต้ทุเรียนที่เป็นเมนูขายดีอันดับ 1 ยอดขายส่วนใหญ่มาจากคนที่ไม่เคยกินทุเรียนมาก่อน แต่อยากลองเข้าหาทุเรียนแบบอ้อมๆ ซึ่งกาแฟใส่ทุเรียนก็อาจจะทำให้กินง่ายขึ้น ไม่ผงะกับกลิ่นรุนแรงของราชาผลไม้เมืองร้อนชนิดนี้มากนัก ซึ่งคนที่ชอบก็จะตกหลุมรักกลายเป็นทาสทุเรียนไปเลย

แต่มักจะมีลูกค้า 2-3 รายที่กลับมาบอกทางร้านว่า “จะไม่ขอสั่งเมนูนี้อีกแล้ว” ด้วยเหตุผลว่า มันกินเข้าไปได้ยังไง เจ้าทุเรียนนี่!

เครื่องดื่มที่ชวนให้คอกาแฟมาลองรสชาติและสัมผัสใหม่ๆ

Photos: @risa_in_newyork

Words: Sritala Supapong

ข้อมูลจาก

you might like

Scroll to Top