เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ไปไม่น้อย เมื่อลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ปล่อยทีเซอร์โปสเตอร์เพื่อโปรโมตซิงเกิลเดี่ยว ‘ROCKSTAR’ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัทของเธอเอง LLOUD Co. กับ RCA Records
โดยปรากฏตัวมาในลุคผิวแทนและผมทรงวูล์ฟคัตพร้อมสวมเครื่องประดับที่สื่อถึงกลิ่นอายลักซูรีพังก์ร็อก ซึ่งนอกจากแว่นตา Ferrari Limited Edition และต่างหูทำมือ Extra Large Hoops แล้ว เหล่าแฟนๆ ยังจับจ้องไปที่เครื่องประดับ ‘กริลซ์’ แบรนด์ SAEMINIUM ที่ฟันของลิซ่าอีกด้วย
ลุคสุดเปรี้ยวของลิซ่ากับกริลซ์รูปดาวดูโดดเด่น
Photo : Instagram lalalalisa_m
SAEMINIUM Star Grillz กริลซ์รูปดาวที่ลิซ่าใส่
Photo: IG SAEMINIUM
ลิซ่าและบรรดากริลซ์สุดโปรด
แต่ไหนแต่ไรลิซ่ามักปรากฏตัวด้วยลุคสุดเปรี้ยวที่มาพร้อมเครื่องประดับฟัน ‘กริลซ์’ ไม่ว่าจะในมิวสิกวิดีโอเพลง How You Like That หรือ Pink Venom เป็นต้น และมักพบว่าเธอใส่ออกงานต่างๆ เสมอ โดยเฉพาะกริลซ์รูปดาวและหัวใจที่มาแต่งแต้มให้ลุคคลาสสิกดูมีชีวิตชีวาขึ้น ในงาน Serpenti 75 Years of Infinite Tales ของ Bulgari นอกจากนี้ยังปรากฏภาพเธอสวมกริลซ์ใน Photo Book อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินหญิงเคป๊อปที่ปลุกกระแสเครื่องประดับฟันสุดก๋ากั่นให้กลับมาจน (เกือบจะ) เป็นกระแสหลักอีกครั้ง หลังจากที่เราเห็นในยุคของ 2NE1 ที่ซีแอลและซานดารามักสวมในมิวสิกวิดีโอหรือในคอนเสิร์ต
Photo : Instagram lalalalisa_m
อีกหนึ่งลุคในทีเซอร์โปสเตอร์เพื่อโปรโมตซิงเกิลเดี่ยว ‘ROCKSTAR’ ของลิซ่า
กริลซ์เพชรของซีแอล เคป๊อปหญิงคนแรกๆ ที่นำเทรนด์
Photo: dazeddigital.com
กริลซ์โลหะเงินในทีเซอร์มิวสิกวิดีโอเพลง How You Like That
Photo: storykpop.com
เจนซีตกหลุมรักกริลซ์
ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าหน้าผมสไตล์ Y2K ที่กลับมาอยู่ในกระแสแล้ว เครื่องประดับฟันตามไอดอลยังได้รับความนิยมจากวัยรุ่นเจนซีทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งจากข้อมูลในแพลตฟอร์ม TikTok พบว่า
- 50,000 คือจำนวนโพสต์ภายใต้คีย์เวิร์ด ‘Grillz’ ใน 1 ปีที่ผ่านมา
- 2 พันล้าน คือตัวเลขจำนวนของผู้ที่รับชมเนื้อหาภายใต้คีย์เวิร์ด ‘Grillz’ ใน 1 ปีที่ผ่านมา
- 74% คือตัวเลขของผู้ชมภายใต้คีย์เวิร์ด ‘Grillz’ ที่อยู่ในช่วงอายุ 18-24 ปี
- 20% คือตัวเลขของผู้ชมภายใต้คีย์เวิร์ด ‘Grillz’ ที่อยู่ในช่วงอายุ 25-34 ปี
และดูแนวโน้มของกราฟใน TikTok เพิ่มมากขึ้นในทุกปี แสดงให้เห็นว่าผู้ชมอายุน้อยกำลังให้ความสนใจกับเครื่องประดับฟันมากขึ้นอีกด้วย
ภาพโปสเตอร์โปรโมตมิวสิกวิดีโอเพลง Pink Venom ที่เผยให้เห็นกริลซ์สีเงินของลิซ่า
Photo: Facebook BLACKPINK
ลุคในงาน Serpenti 75 Years of Infinite Tales ของ Bulgari ที่ลิซ่ายิ้มกว้างเผยให้เห็นเพชรที่ฟัน
Photo: Courtesy of Bulgari
ว่าด้วยประวัติศาสตร์กริลซ์
แท้จริงแล้วกระแสกริลซ์นั้นไม่ได้กำเนิดมาจากเคป๊อปหรือวัฒนธรรมป๊อปแต่อย่างใด แต่มีการส่งต่อค่านิยมมาตั้งแต่อารยธรรมโบราณที่ต่างมองว่าการประดับฟันด้วยโลหะหรืออัญมณีราคาแพงเป็นเครื่องมือสะท้อนถึงฐานะหรือชนชั้นชนิดหนึ่ง
กริลซ์หยกแห่งชาวมายา
ในอารยธรรมมายาค้นพบหลักฐานในซากเมืองโบราณตีกัล ในเมืองเปเตน ประเทศกัวเตมาลา ที่บ่งชี้ว่าชาวมายานิยมประดับฟันเพื่อแสดงสถานะทางสังคมเช่นกัน
หลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดพบในซากเมืองโบราณตีกัล
Photo: httpsbigthink.com
“การประดับฟันมักบ่งบอกถึงความมั่งคั่ง” มาร์แชล เบกเกอร์ ศาสตราจารย์กิตติคุณสาขามานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเวสต์เชสเตอร์และนักโบราณคดีกล่าว “ทำการเช่นนี้ไม่เพียงแต่คล้ายกับสัญลักษณ์แสดงสถานะเท่านั้น แต่ชาวมายาโบราณยังใช้หินเพื่อประดับฟันอีกด้วย หยกหรือหินไพไรต์เป็นสิ่งที่พบเห็นมากที่สุด ซึ่งแต่ละแผ่นจะมีขนาดและจำนวนแตกต่างกันไป” มาร์แชลกล่าว
ข้อมูลยังบ่งชี้อีกว่าสีเข้มสีอ่อนของหยกประดับฟันก็แสดงถึงสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน โดยผู้ที่ประดับฟันด้วยหยกสีอ่อนกว่าจะมีสถานะที่สูงกว่า
ภาพฟันที่ประดับด้วยหยกของชาวมายาโบราณ ที่ใช้บ่งบอกสถานะทางสังคม
Photo: httpsbigthink.com
กริลซ์ทองแห่งอีทรัสคัน
มีการค้นพบเครื่องประดับฟันชิ้นแรกในโลกตะวันตก สันนิษฐานว่าอยู่ในยุคราว 700 ปีก่อนคริสตศักราช ซึ่งเป็นของหญิงสูงศักดิ์ชาวอีทรัสคันในแถบอิตาลี โดยหลักฐานชิ้นนี้ปรากฏเป็นทองพันรอบฟัน ซึ่งความหนาของทองดังกล่าวส่งผลให้ต้องมีการถอนฟันออกบางซี่เพื่อสามารถสวมใส่ได้ โดยยังบ่งชี้อีกว่าทองคำดังกล่าวไม่ได้ใช้เพื่อการรักษาหรือใช้ในการอุดฟัน แต่เป็นการทำเพื่อความสวยงามและบ่งบอกสถานะทางสังคม
เครื่องประดับฟันทองของชาวอีทรัสคัน
Photo: Facebook ZERODONTO
โอฮากุโระของญี่ปุ่น
ไม่เชิงเป็นกริลซ์แต่ก็จัดเป็นการประดับฟันชนิดหนึ่ง ซึ่งแฟชั่นนี้เริ่มต้นในยุคสมัยเฮอัน เมื่อชาวญี่ปุ่นนิยมทาใบหน้าสีขาวจึงทำให้เห็นฟันเป็นสีเหลืองได้ง่าย จึงมีการทำโอฮากุโระหรือแฟชั่นทาฟันดำเพื่อสร้างจุดเด่นให้กับใบหน้า ซึ่งนอกจากนิยมในญี่ปุ่นแล้วยังนิยมในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ตลอดจนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างลาว เวียดนามและประเทศไทยอีกด้วย
โอฮากุโระหรือแฟชั่นฟันดำของญี่ปุ่นในสมัยเฮอัน
Photo: kiryoku.it
จากวัฒนธรรมผิวสีสู่วัฒนธรรมป๊อป
ชาวผิวสีอเมริกันรับเอาค่านิยมจากผู้อพยพมาจากทวีปแอฟริกัน ที่พวกเขานิยมนำทองคำมาอุดปิดบริเวณฟันที่ผุ จากนั้นกลายเป็นแฟชั่นที่นักร้องแรปและฮิปฮอปต่างเข็นมานำเสนอเมื่อแนวดนตรีของพวกเขากลายเป็นกระแสหลักอย่างสลิค ริก และลิล เวย์น เป็นต้น จนในที่สุดแฟชั่นกริลซ์หล่อหลอมมาสู่วัฒนธรรมป๊อป ถูกสวมใส่ตั้งแต่มาดอนนา รีฮานนา มาจนถึงกริลซ์ที่แพงที่สุดในโลกในมิวสิกวิดีโอเพลง Dark Horse ของเคที เพอร์รี ไปจนถึงเหล่าเคป๊อปอย่างสาวๆ aespa และลิซ่า เป็นต้น
กริลซ์ฟันเพชรของลิล เวย์น
Photo: universal-music.de
กริลซ์ที่แพงที่สุดในโลกทำจากเพชร แซปไฟร์สีน้ำเงินและสีม่วงในเอ็มวี Dark Horse ของเคที เพอร์รี
Photo: Courtesy of Capitol Records
ปะติดและมินิมอลมากขึ้น
ดูเหมือนจากเครื่องประดับฟันที่มีการเล่นใหญ่ทั้งเจาะเนื้อฟันหรือถอนฟันออกหลายซี่ ถูกลดทอนมาให้จับต้องได้ง่ายขึ้น เมื่อธุรกิจแฟชั่นนำเสนอกริลซ์แบบปะติด ซึ่งมีทั้งสติกเกอร์ลวดลายต่างๆ ไปจนถึงอัญมณีเทียมที่สามารถติดได้ในร้านทำฟันเพื่อความงามไปจนถึงติดได้ด้วยตัวเอง เหล่าวัยรุ่นเจนซีก็หันมาทำฟันตามเหล่าศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบมากขึ้น อย่างคลิปการติดจิเวลรีบริเวณฟันในแบบลิซ่าของติ๊กตอกเกอร์ cure0721 และ orangesoda809 เป็นต้น
@cure0721
คลิปแต่งฟันด้วยจิเวลรีตามแบบลิซ่า
@orangesoda809 I tried Lisa’s same dental diamond, DIY dental blinding diamond, and I really really like it 💕🥰🥰#tiktokmademebuyit #fyp #lisa #lisablackpink #toothdiamond #foryou
เมื่อลิซ่าเป็นแรงบันดาลใจในการติดจิเวลรีฟัน
ผู้เขียนแอบอยากลองติดกริลซ์แบบมินิมอลมินิใจเหมือนกัน กำลังลุ้นอยู่ว่าเทรนด์นี้จะกลับมาเป็นกระแสหลักจริงจังหรือไม่ หลังจากมิวสิกวิดีโอเพลง ROCKSTAR ที่กำลังได้รับความนิยม อย่างใดก็ดีระหว่างนี้ส่องไอเทมในแอปส้มแอปฟ้ารอไปพลางๆ
Words: Varichviralya Srisai
ข้อมูลจาก:
– https://www.popsugar.com/beauty/tooth-gems-history-48671592
– https://northstarfamilydentistry.com/decorating-teeth-through-the-ages/
