กรมสุขภาพจิต แนะผู้ป่วยจิตเวชที่ต้องรับประทานยารักษาอย่างต่อเนื่องและครอบครัวของผู้ป่วย ซึ่งอาจต้องอยู่บ้านมากขึ้นในช่วงนี้จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในหลายจังหวัด ให้เตรียมยาประจำตัวให้เพียงพอระหว่างช่วงการแพร่ระบาด ดูแลเรื่องการรับประทานยาอย่างเหมาะสม ไม่ควรขาดยา สมาชิกในครอบครัวและญาติช่วยกันดูแลติดตามอาการและพูดคุยให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 มากขึ้น ทำให้ผู้ที่กำลังรักษาปัญหาด้านสุขภาพจิตหลายคนรู้สึกกังวลและไม่กล้าที่จะเดินทางมายังโรงพยาบาล อาจทำให้เกิดการขาดการรักษาและรับประทานยาต่อเนื่อง และในอนาคตอาจมีผู้ป่วยจิตเวชส่วนหนึ่งต้องเข้าเกณฑ์การแยกกักตัวเองที่บ้านเนื่องจากมีความเสี่ยงในการสัมผัสโรค ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้หากต้องอยู่ที่บ้านระยะเวลายาวนานโดยมีโรคประจำตัวหรือรักษาโรคทางจิตเวชที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ควรนับจำนวนและเตรียมยาให้เพียงพอ
โดยพยายามไม่ขาดยา หากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดมากขึ้นหรือกำลังอยู่ในระหว่างการแยกกักตนเองที่บ้าน พบว่ายาที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อช่วงระยะเวลาการแยกกักที่เหลือ สามารถให้ข้อมูลเรื่องอาการของตนเองกับญาติ และมอบหมายญาติเพื่อมาพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและรับยาจิตเวชแทนได้ที่โรงพยาบาลจิตเวช
แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าวต่อว่า ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 มากขึ้น อาจเป็นช่วงที่ผู้ป่วยจิตเวชมีความเครียดและรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้น สมาชิกในครอบครัวและญาติควรเอาใจใส่ดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างใกล้ชิดมากขึ้น พูดคุยทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเกี่ยวกับความกังวลใจ สถานการณ์การแพร่ระบาด และการดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ในกรณีที่ผู้ป่วยจิตเวชมีอาการด้านสุขภาพจิตรุนแรงมากขึ้นในขณะนี้ ขอให้ผู้ดูแลรีบโทรแจ้งไปยังสถานพยาบาลที่ทำการรักษาด้านสุขภาพจิตของผู้ป่วยอยู่เดิม เพื่อประเมินความเสี่ยงและเป็นการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่หากมีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมายังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลจิตเวช
กรมสุขภาพจิตขอรณรงค์ให้คนไทยร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ด้วยการดูแลสุขอนามัย สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือสม่ำเสมอ กินอาหารร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว หลีกเลี่ยงไปในที่แออัด หาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอจากแหล่งที่น่าเชื่อถือโดยลดการเสพข่าวที่มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพจิตของตนเองนั้นขอให้ยึดหลัก “ตระหนักแต่ไม่ตระหนก” พยายามควบคุมสติและอารมณ์ของตนเอง หาเวลาผ่อนคลายความเครียด ไม่สร้างความเกลียดชังในสังคม ใช้เวลาพิจารณาจิตใจและความเครียดของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และพูดคุยกับเพื่อนหรือคนใกล้ชิดมากขึ้น หากมีข้อสงสัย เกิดความเครียด ท้อแท้ หรือวิตกกังวลอย่างมาก สามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง