ทำตาม Passion ก้าวข้ามออกจากกรอบของตัวเอง ไปกับ บอม – ฑิชากร

สังคมปัจจุบัน รวมทั้งโซเชียลมีเดีย มีอิทธิพลต่อผู้คนส่วนใหญ่ให้ต้องแสวงหาความสมบูรณ์แบบในชีวิต นับตั้งแต่สมัยเรียน จะต้องให้โดดเด่นทั้งการเรียน กีฬา กิจกรรม  พอถึงวัยทำงานก็ต้องเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ได้รับการยอมรับ และผลตอบแทนสูง  นอกจากนี้ หน้าตา ผิวพรรณ หรือรูปร่างจะต้องสวย หล่อ ดูดีตามมาตรฐาน แม้ว่าการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเป็นสิ่งที่ดี ส่งเสริมความก้าวหน้าและทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่ก็อาจเกิดความกดดันกับการเปรียบเทียบกับผู้อื่น เพื่อตอบบรรทัดฐานที่มาชี้วัดความเป็นตัวเรา ซึ่งท้ายที่สุดอาจกลายเป็นการลดทอนคุณค่าและสูญเสียการเคารพตัวเองไปอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป จะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้เราก้าวข้ามกรอบความกดดันหรือมาตรฐานสังคม มีอิสระในการเลือกเป็นตัวเองได้อย่างแท้จริง 

Merz Aesthetics ประเทศไทย บริษัทชั้นนำระดับโลก ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องอัลเทอร่า และเวชภัณฑ์สำหรับใช้ในคลินิกเสริมความงาม เพื่อทุกความมั่นใจของคนไทย ร่วมออกค้นหาจุดเปลี่ยนของชีวิต เพื่อสร้าง Confidence to be… ดูดีมั่นใจในแบบฉบับที่เป็นตัวเอง กับการกลับมาอีกครั้งผ่านรายการ Woody Help Me Please by Merz Aesthetics ที่พร้อมจะเป็นสื่อกลางรับฟังทุกเรื่องราวปัญหาที่มากระทบความมั่นใจ ความสุข หรือความภูมิใจในตัวคุณเอง อีกทั้งยังช่วยแบ่งปันข้อคิดให้คุณมีจิตดี กายดี ดูดีในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด สำหรับ EP ที่ 3 นี้ทางรายการได้เรียนเชิญ เมิร์ซกูรู – ศ.นพ. วาสนภ วชิรมน หรือ คุณหมอดุ๊ก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลรามาธิบดี มาร่วมให้ข้อคิดผลักดันพลังบวกอีกแรง ร่วมกับ บอม – ฑิชากร เปล่งพานิช ลูกสาวคนเดียวของนักแสดงมืออาชีพ อย่าง นก – สินจัย เปล่งพานิช และ นก – ฉัตรชัย เปล่งพานิช ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยรู้สึกกดดันว่าจะต้องมีหน้าตาที่สะสวย และต้องทำตามเป้าหมายที่สังคมวางไว้เพียงเพราะเป็น “ลูกดารา” แต่ในที่สุดก็เจอทางออกให้กับตนเอง ได้ใช้ชีวิตอย่างใจ สนุกกับสิ่งที่อยากเป็น ผ่านเส้นทางอาชีพนักเขียน และนักเดินทางที่ผ่านมาแล้วกว่า 80 ประเทศทั่วโลก

อิสระตนเองที่ขาดหายไปกับกระแสสังคม

กว่าจะยอมรับตัวตนและจริงใจกับความต้องการตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย บอมเองเป็นอีกคนหนึ่งที่ชีวิตและตัวตนของตนเองติดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อึดอัด ถูกตีกรอบจากสังคมมาตั้งแต่เด็ก ต้องพิสูจน์ตนเองให้ได้ตามคำนิยามของการเป็นลูกนักแสดงชื่อดังที่ว่า ต้องสวย ต้องดูดีเหมือนพ่อแม่ “มี Standard ของวงการที่อยู่บนหลังบนบ่าเรา รู้สึกกดดันเหมือนแบกความคาดหวังมาโดยตลอด” ค่านิยมจากสังคมก็ได้ส่งผลให้บอมลังเลกับเส้นทางชีวิต เคยได้ลองเรียนรู้ในสายงานการแสดง และคิดอยากเข้าวงการบันเทิงเพียงเพราะอยากให้คนภายนอกมองเห็นตนเองในบทบาทนั้น

สุดท้ายต้องทิ้งสิ่งที่ไม่ใช่ เพื่อมาฟังเสียงหัวใจตนเอง

แม้ว่าการที่บอมวิ่งตามความสมบูรณ์แบบมาโดยตลอดได้ทำให้ตนเองอยู่บนจุดที่ประสบความสำเร็จสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกลับไม่ช่วยให้บอมรู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง เกิดความรู้สึกหลงทางอยู่กับความคิดที่ติดค้างในใจว่า “แล้วเราจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อ” พอนานวันเข้า ความเครียด ความกดดันที่สะสมก็ทำให้บอมตระหนักขึ้นมาได้ว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองอยากเป็นเลย แต่เป็นค่านิยมที่หลอมรวมกับความคิดจนส่งผลให้ต้องทำตามความคาดหวังของสังคม ด้วยเหตุนี้เอง บอมจึงเริ่มออกจากเส้นทางเดิม เปิดรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อค้นหา Passion ที่ใช่สำหรับตนเอง จนได้มาซึ่งคำตอบที่ว่า แท้จริงแล้ว ตัวเองชอบเดินทาง จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่บอมได้ออกนอกกรอบมาตรฐานสังคม นำตัวเองไปอยู่กับสิ่งที่รัก กล้าที่จะผจญภัยไปยังสภาพแวดล้อมใหม่ๆ แลกกับประสบการณ์อันคุ้มค่าหาจากที่ไหนไม่ได้อีก 

ความมั่นใจในรูปร่าง ผลพลอยได้จากการเข้าใจตนเอง

นอกจากการทำตาม Passion ของตนเองแล้ว สิ่งที่บอมเรียนรู้ได้อีกอย่างหนึ่งจากการใช้ชีวิตคือการบริหารจิตใจ ซึ่งบอมเน้นย้ำว่าจะต้องจริงจัง และจริงใจกับความรู้สึกตนเองให้ได้มากที่สุด “ถ้าวันนี้เราไม่มีความสุข ก็ปล่อยให้รู้สึกไปอย่างที่เป็น ไม่ฝืน แต่ถ้าอารมณ์นั้นเกิดขึ้นเป็นเวลานาน ก็จะไม่จมปลักอยู่กับความรู้สึกนั้นนานไป” บอมจัดการกับความเครียดโดยเริ่มลุกขึ้นมาทำอย่างอื่นที่ดีต่อตัวเองแทน ไม่ว่าจะเป็นการไปออกกำลังกาย รับประทานอาหารดีๆ หรือพูดคุยกับเพื่อนรอบตัว ทำให้ตัวเองรู้สึกดี เมื่อเราได้ซื่อสัตย์และเคารพกับความรู้สึกตัวเองแล้ว เราก็จะเห็นคุณค่าในตนเองมากขึ้น รับรู้จุดที่กังวลและค่อยๆ ใช้เวลาในการแก้ไขไปทีละส่วน จนทำให้ความมั่นใจปรากฏมาเองโดยธรรมชาติ รวมไปถึงความรู้สึกเชิงบวกต่อร่างกายด้วย

4 วิธีบริหารใจให้เป็นสุข และใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ  

ทางศ.นพ.วาสนภ หรือ คุณหมอดุ๊กก็ได้กล่าวเสริมถึงกรณีของบอมว่าเป็นปัญหาที่คนจำนวนไม่น้อยต่างเผชิญในสังคม ความกดดันที่เกิดขึ้นนี้เองก็ได้ปิดกั้นโอกาสที่พวกเขาควรได้รับ หมอดุ๊กจึงได้แนะนำแนวทางการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ เพื่อให้ได้รู้จักสิ่งที่ตัวต้องการได้มากขึ้นผ่าน 4 วิธีดังต่อไปนี้

  1. ไม่ยึดถือความชอบใดความชอบหนึ่ง หมอดุ๊กมองว่าความหลงใหล หรือ Passion ของเรานั้นมีอายุที่จำกัด สักวันหนึ่งเราจะหมดไฟและรู้สึกเคว้ง ดังนั้นการเปิดใจ มีความชอบที่ยืดหยุ่น ไม่ยึดติด Passion หนึ่งเดียว จะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและมั่นใจ ต่อให้สิ่งที่เราชอบถึงจุดอิ่มตัว เราก็มองเห็นความเป็นไปได้และศักยภาพในการค้นหาสิ่งที่รักต่อไปได้ 
  2. ชนะใจตัวเองคือพลังที่แท้จริง การแข่งขันกับคนอื่นยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับตัวเอง ไม่เพียงแต่ทำให้เราไม่มีความสุขแล้ว เรายังประสบความสำเร็จได้ยากกว่าเดิม แต่ถ้าหากเราหมั่นโฟกัสแต่สิ่งที่ตัวเองทำให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน ก็ยิ่งเสริมสร้างศักยภาพของเราและความมั่นใจให้กลับมาได้ 
  3. ให้เวลากับตัวเองและครอบครัว นอกจากการจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่แล้ว การหันมาใส่ใจคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนในครอบครัวคือกำลังใจสำคัญที่สุดที่ช่วยให้เราเดินหน้า 
  4. พูดกับตัวเราเองในวันที่ไม่มีใคร ทำความเข้าใจกับตัวเองให้มากขึ้น มองความรู้สึกตัวเองตามความเป็นจริง ซื่อสัตย์กับอารมณ์ตัวเอง ถ้ารู้สึกเศร้า ก็ปล่อยให้เศร้าไป แต่ต้องหาวิธีให้เรากลับมาดีขึ้น โดยอาจจะเบนความสนใจของตนเองไปยังสิ่งอื่นก็ได้ 

ทั้งนี้ คุณหมอดุ๊กเสริมไว้อีกว่า หากปัญหา หรือ สิ่งที่กังวลนั้นอยู่เหนือการควบคุมของเรา สิ่งที่ควรทำคือ ปล่อยมันไปอย่างที่มันเป็น ยิ่งผูกมัดความรู้สึกของเราไปกับปัญหานั้นก็ไม่ทำให้เจอทางออก มิหนำซ้ำเรากลับรู้สึกทุกข์ใจมากกว่าเดิม ควรเรียนรู้ที่อยู่กับปัญหาด้วยใจที่เป็นสุขจะช่วยให้เราเกิดความมั่นคงในจิตใจ

คนที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุด คือ ตัวเราเอง

บอมก็ได้ส่งท้ายรายการด้วยประโยคทรงพลังที่ว่า “The only person you need to impress is yourself.” ซึ่งได้แสดงถึงปัญหาที่คนเรามักพบเจอโดยตลอดว่า เรามักจะเสียเวลาไปกับการสนใจและทำตามความคิดของผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นรู้สึกประทับใจในตัวเรา ทั้งๆ ที่ คนๆ เดียวที่เราควรใส่ใจคือตัวเรา 

ดังนั้น การยอมรับตัวเอง อยู่กับตัวเองให้ได้มากที่สุด และหมั่นดูแลหัวใจตัวเองให้ดีในทุก  ๆ วัน ก็จะช่วยให้เรามีแรงใจในการทำสิ่งที่ต้องการในชีวิตได้ โดยการทำตามแนวคิดทั้ง 4 วิธีตามที่คุณหมอดุ๊กแนะนำ ก็จะช่วยให้ตัวเองค้นพบบนเส้นทางที่ใช่ ก้าวข้ามผ่านความกังวล สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ ในแบบที่ Merz Aesthetics เรียกว่า “Confidence to be”

you might like

Scroll to Top