พลิกโฉมการท่องเที่ยวด้วย Cryptourism

การท่องเที่ยว เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ผู้ประกอบการต่างดิ้นรนที่จะฟื้นธุรกิจด้วยการเสาะแสวงหาการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ ที่จะสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล รวมไปถึงผู้ถือสกุลเงินดิจิทัล ที่ถือเป็นเศรษฐีใหม่ของโลกใบนี้

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมมือกับ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ Bitkub พัฒนา “TAT Coin” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวที่เคยสูงถึง 3 ล้านล้านบาทในปี 2562 ลดลงเหลือเพียง 7 แสนล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และปีนี้คาดว่าจะลดลงอีกเหลือเพียง 4 แสนล้านบาท

จิรายุส กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีเศรษฐีใหม่จากสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก มูลค่ารวมกันกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่ามากกว่าจีดีพีของไทย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ถือครองสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่มีประมาณ 10 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงคนดังอย่างอีลอน มัสก์ เจ้าของเทสล่า และทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ล ถ้าการท่องเที่ยวสามารถดึงดูดคนพวกนี้มาท่องเที่ยวและใช้เงินสกุลดิจิทัลในประเทศไทยได้ จีดีพีไทยมีโอกาสเติบโตมหาศาล

“การพลิกโฉมประเทศไทย เป็นให้คริปโต เฟรนด์ลี่ จึงเป็นอีกทางรอดหนึ่งที่มีโอกาสสร้างการเติบโตใหม่ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซี่งเรามีของดีอยู่แล้วทั้งสถานที่ อาหาร ผู้คน การเพิ่มช่องทางใหม่ ๆ จะทำให้การฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และสร้างการเติบโตในอนาคต” จิรายุสกลาว

3 เทรนด์ใหม่หนุนท่องเที่ยว

ซีอีโอ Bitkub กล่าวว่า การสร้าง Digital Tourism Platform สร้างอีโคซิสเต็มส์ที่รองรับสกุลเงินดิจิทัล จะสอดรับกับลักษณะการใช้ชีวิตของชาวคริปโต คือ 1. กลุ่มนี้ใช้ระบบไมโคร เพย์เมนต์ รับ – จ่ายเงินจำนวนน้อย ๆ โอนระหว่างประเทศได้ ทำให้ผู้ใช้คริปโตสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ นำไปสู่ลักษณะที่ 2. คือ Workation ซึ่งประเทศไทย ติดอันดับสถานที่ทำงานเพื่อการพักผ่อนที่ดีที่สุดในโลก และ 3. จะดึงดูด Nano Entrepreneur หรือ กลุ่ม Crypto Normad เข้ามาใช้ชีวิตในประเทศไทยมากขึ้น เหมือนที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางของฟินเทค

“เราต้องสร้างให้ไทยเป็นศูนย์กลางของคริปโต นอร์แมด หรือกลุ่มนาโน อองเทอร์เพอร์เนอร์ เหมือนสิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางของฟินเทค เพราะในอนาคตทุกคนจะกลายเป็นนาโน อองเทอร์เพอร์เนอร์ ถือสกุลเงินดิจิทัลใช้จ่ายที่ไหนก็ได้ในโลก เราต้องสร้างอีโคซิสเต็มส์ของไทยให้รองรับกลุ่มคนเหล่านี้ นี่คืออนาคต” จิรายุสกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ททท. กับ Bitkub กำลังเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รองรับการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการซื้อสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งหากปลดล็อกได้เมื่อไหร่ การท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ด้วยโอกาสและเม็ดเงินที่จะเกิดขึ้นจาก Cryptourism ซึ่งขณะนี้หลายประเทศเริ่มปลดล็อกการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว

ธุรกิจสายการบินท่องเที่ยวเริ่มใช้บิทคอยน์

เวบไซต์ cnbc.com รายงานว่า ปัจจุบัน เวบไซต์จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน Cheapair.com สายการบิน Air Baltic ของลัตเวีย และบริษัท Virgin Galactic ของ Richard Branson ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลมานานแล้ว ขณะที่เวบไซต์จองทัวร์และกิจกรรมในเบอร์ลิน GetYourGuide เริ่มใช้ dogecoin ในเดือนมิถุนายน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกา

“หมวดการท่องเที่ยวและเดินทาง เป็นกลุ่มที่ผู้ถือบิทคอยน์ต้องการใช้มากที่สุด” Johannes Reck ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง GetYourGuide กล่าว และบริษัทอยู่ระหว่างการรับเงินดิจิทัลสกุลอื่น ๆ เพิ่มเติม

Alex Simon ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของแอพท่องเที่ยว Elude ที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ กล่าวว่า นักเดินทางรุ่นใหม่กำลังมองหาวิธีที่ทันสมัยในการวางแผนและจองทริป โดยเฉพาะนักเดินทางรุ่นใหม่ Gen Z และ Gen Alpha ย่อมต้องการรูปแบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ และทางเลือกอื่นๆ ในการซื้อการเดินทาง

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจท่องเที่ยวระดับโลก เช่น Resorts World Las Vegas แห่งใหม่ในเนวาดา ที่รับธุรกรรมผ่านสกุลเงินดิจิทัล ที่มีชื่อว่า ‘Gemini’ และโรงแรม Bobby ในแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ที่แขกสามารถจองการเข้าพักและกิจกรรมต่างๆ ด้วย dogecoin และ สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ผ่าน BitPay

รวมทั้งแพลตฟอร์มจองทัวร์ออนไลน์อย่าง Travala.com ในเครือ Expedia Group ที่มีที่พัก จำนวน 700,000 แห่งที่ยอมรับการชำระเงินผ่าน AVA altcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ อีก 50 สกุล 70% ของการจองทั้งหมดตอนนี้เป็นเหรียญดิจิทัล และมีการทำธุรกรรมมากกว่า 1 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์

โมเดลสกุลเงินดิจิทัลกำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่สามารถแบ่งปันและแชร์ที่พักกันได้ในเครือข่ายของชุมชน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ถือเงินสกุลดิจิทัลกว่า 100 ล้านคน มีมูลค่าการใช้จ่ายกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจากการสำรวจของ Travala.com พบว่า 71% ของชาวอเมริกัน 1,000 คน วางแผนที่จะใช้จ่ายในการเดินทางมากกว่าก่อนเกิดโควิด และที่น่าสนใจก็คือพวกเขาจะใช้คริปโตในการใช้จ่ายเพื่อการนี้

สุดท้าย ซีอีโอ บิทคับ กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะอยูรอดได้ ต้องหานิวเอสเคิร์ฟใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกเจนเนอเรชั่น โดยเฉพาะเจนเนอเรชั่นต่อไปกำลังก้าวเข้าสู่ยุค MetaVerse โลกเสมือน ที่กำลังจะกลายเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่มีมูลค่ามหาศาล “ถ้าเราอยากชนะในเกมธุรกิจก็ต้องมุ่งไปสู่โลกใบใหม่” จิรายุส กล่าวทิ้งท้าย

you might like

Scroll to Top