เปิดตัวอย่างเป็นททางการ TPCX เปิดบริษัท ลุยตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน) หรือ TPCSผู้ดำเนินธุรกิจการผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภท B2B และ B2C ในหลากหลายหมวดหมู่อุตสาหกรรม โดยประกอบไปด้วย วัตถุดิบผ้าไม่ทอสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์(Non-Woven Fabrics for Automotive Industry), วัตถุดิบสิ่งทอทั่วไป (Textile for Industrial Application), ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย (Healthcare Products), ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Household Products), ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก (Baby & Kids Products), ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Products) และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งหน้ากากอนามัย Welcare ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากในขณะนี้ก็เป็นอีกหนึ่งการลงทุนในพอร์ตของ TPCS อีกด้วย โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์และโมเดิร์นเทรดที่หลากหลาย ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node) ของ Bitkub Chain จากจำนวนทั้งหมด 11 บริษัท โดยได้เซ็นสัญญากับบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด หรือ “Bitkub” ในเดือนพฤษภาคม 2564

ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับ TPCS ที่ได้ร่วมเซ็นสัญญากับทาง Bitkub เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้งานบล็อกเชนบนภาคธุรกิจจริง ล่าสุด TPCS ได้จัดตั้ง บริษัท ทีพีซีเอกซ์ จำกัด (TPCX) และได้เข้าร่วมเซ็นสัญญาร่วมเป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node) ของ Bitkub Chain ด้วยเช่นกันโดยมีประกาศอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565  TPCX บริหารงานโดย คุณกรวิชญ์ ณรงคนานุกูล กรรมการผู้จัดการ ซึ่งได้เปิดเผยวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งบริษัทใหม่ว่า

“TPCX ถูกจัดตั้งมาเพื่อการเติบโตแบบ Exponential Growth ผ่านการเป็นผู้ให้บริการธุรกิจด้าน สินทรัพย์ดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ เอเจนซี่ด้านการตลาดและโฆษณา โดยมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 50 ล้านบาท และเพื่อให้ TPCX ก้าวเป็นผู้นำในการผสมผสานโลกการตลาด และโลกสินทรัพย์ดิจิทัล เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน TPCX จึงได้เริ่มลงทุนเพื่อร่วมเป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Node) ของ Bitkub Chain เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหนึ่งบริษัท เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) ของ Bitkub Chain ที่กำลังจะเปลี่ยนจาก Proof of Authority (PoA) ไปสู่ Proof of Staked Authority (PoSA) ในเร็ววันนี้”

             “นอกจากนี้ TPCX ยังมีความสนใจและกำลังศึกษาลงทุนในเทคโนโลยีบล็อคเชนด้านอื่นๆ อาทิ การขุดเหมืองคริปโต (Mining), ระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized Finance หรือ DeFi), สินทรัพย์ที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Non-Fungible Token หรือ NFT), จักรวาลนฤมิต (Metaverse) และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอีกด้วย” คุณกรวิชญ์ กล่าวเพิ่มเติม

you might like

Scroll to Top