Green Bitcoin อนาคตของสกุลเงินดิจิทัล

ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก อย่างเช่นที่เรารู้จักในชื่อบิทคอยน์ หรือ อีเธอร์เรียม ที่ขณะนี้ให้ผลตอบแทนสูงกว่าทองคำและน้ำมันแล้ว ข้อมูลจาก www.coinmarketcap.com (ณ วันที่ 12 ก.ค.64) ระบุว่า สินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่าตามราคาตลาด ประมาณ 1.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยกว่าร้อยละ 45 มาจาก Bitcoin ที่มีมูลค่าซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 58.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

ปีที่แล้ว ถือเป็นปีทองของสกุลเงินดิจิทัล การระบาดของโควิด 19 ทำให้ประชาชนจำนวนมากหันไปใช้ธุรกรรมออนไลน์เพิ่มขึ้น และหลีกเลี่ยงที่จะใช้ธนบัตรแบบเดิม ทำให้ราคาของบิทคอยน์พุ่งขึ้นถึงร้อยละ 490 จากเดือนตุลาคมปี 2563 มาอยู่ที่ 63,000 เหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน 2564 ถือเป็นราคาสูงสุดตลอดกาล แม้เดือนมิถุนายน 2564 ราคาจะตกลงมาอยู่ที่ 34,365 เหรียญสหรัฐ แต่ยังสูงขึ้นสามเท่าเมื่อเทียบกับช่วงแรก

นอกจากนี้ บิทคอยน์ยังได้รับการยอมรับมากขึ้นในการเป็นวิธีการชำระเงินที่ถูกกฎหมายแบบหนึ่ง เช่น เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้บิทคอยน์เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย และมีข้อเสนอที่คล้ายกันภายใต้การพิจารณาในปารากวัย ขณะที่หลายคนมองว่า นี่คือโอกาสอันน่าตื่นเต้นของสกุลเงินดิจิทัล แต่ความกังวลผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมก็มีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

การใช้พลังงานพุ่ง จีนคุมเข้ม

ดัชนีการใช้ไฟฟ้าของ Cambridge Bitcoin ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งสหราชอาณาจักร เพื่อคำนวณการใช้พลังงานจากการขุดเหมืองบิทคอยน์ พบว่า ปีที่ผ่านมามีการใช้พลังงานรวม 121.36 TWh ซึ่งมากกว่าการใช้ไฟฟ้าของอาร์เจนตินาในแต่ละปี

ขณะที่จีน ซึ่งมีการขุดเหมืองบิทคอยน์ถึงร้อยละ 65 ของการขุดเหมืองทั่วโลก เมื่อเร็วๆ นี้ ทางการจีนออกมาปราบปรามการขุดเหมืองบิทคอยน์ เนื่องจากส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นที่คาดการณ์ว่ามลภาวะในประเทศจีนจะพุ่งสูงสุดในปี 2030 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของสกุลเงินดิจิทัล และแสดงให้เห็นว่าจีนมีแนวโน้มที่จะลดบทบาทการเป็นผู้เล่นในตลาดนี้ลง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปราบปรามการขุดเหมืองบิทคอยน์ แต่จีนยังคงให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีบล็อกเชนพื้นฐาน โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ประกาศนโยบายที่จะสร้าง “ระบบอุตสาหกรรมบล็อคเชนขั้นสูง” ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนผ่านการกำหนดมาตรฐานและสิทธิประโยชน์ทางภาษี

ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นในสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ และความต้องการที่จะสร้างความยั่งยืนทางการเงิน หรือความพยายามในการพัฒนา Green Bitcoin จะเป็นคำตอบของความยั่งยืนนั้น

การพัฒนา green bitcoin

ความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในองค์กรธุรกิจทั่วโลกที่ต้องการดำเนินการตามหลักการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน หรือ ESG (Environment, Social, & Governance) รวมถึงการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่มีความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลุ่มของภาคเอกชนซึ่งนำโดย Energy Web ที่ไม่หวังผลกำไร Alliance for Innovative Regulation และ RMI ได้เปิดตัว Crypto Climate Accord (CCA) ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากข้อตกลงด้านสภาพอากาศในปารีส ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อแยกคาร์บอนออกจากอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี โดยมี 45 บริษัทจากภาคการเงิน เทคโนโลยีและพลังงาน สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว และวางเป้าหมายว่าพลังงานร้อยละ 100 ในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี ต้องมาจากพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2025

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท Argo Blockchain บริษัทขุดเงินดิจิทัลของสหราชอาณาจักร Argo Blockchain และบริษัท DMG Blockchain Solutions ของแคนาดา เตรียมเปิดตัวแหล่งขุดบิทคอยน์พลังงานสะอาดแห่งแรกของโลก เช่นเดียวกับ Labelled Terra Pool ที่วางแผนสร้างแพลตฟอร์มขุดบิทคอยน์ที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น

เจีย (Chia) อนาคตของสกุลเงินดิจิทัล

Chia (เจีย) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังมาแรง โดยเปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยชูจุดเด่นในการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เจีย แทนที่กระบวนการ Proof-of-Work ในการพัฒนาบิทคอยน์ ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานจำนวนมหาศาล มาเป็นการ proof-of-space ซึ่งเป็นกระบวนการแก้ไขสมการคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยการจัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์เปล่าจำนวนมาก ผู้คิดค้นวิธีดังกล่าว อ้างว่าวิธีการนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เชื่อถือได้มากกว่าและปลอดภัยกว่าวิธีอื่น เนื่องจากใช้พลังงานน้อยกว่ากระบวนการขุดเงินดิจิทัลอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แม้เจียจะมีขั้นตอนในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ก็มีนักวิจารณ์หลายคนที่ไม่เชื่อในข้อมูลดังกล่าว และไม่รับรองความยั่งยืนนั้นโดยอ้างว่ายังมีการปล่อยมลพิษที่เกิดขึ้นในการผลิตฮาร์ดแวร์ เช่น โปรเซสเซอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของกระบวนการขุดบิทคอยน์

นอกจากนี้ ความต้องการฮาร์ดดิสก์จำนวนมากในกระบวนการทำฟาร์ม ทำให้เกิดความกังวลว่าหากนำเจียไปใช้อย่างแพร่หลายจะส่งผลให้เกิดการปล่อยมลพิษและขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากการผลิตฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นก็เป็นได้

รวมทั้งการบูมของเจียที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประเทศเวียดนามรายงานปัญหาการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์และการ์ดกราฟิก ซึ่งคาดว่าน่าจะเชื่อมโยงกับการทำฟาร์มเจีย ในขณะที่สื่อจีนได้รายงานว่าระหว่างการเปิดตัวของเจียตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ทำให้ราคาไดรฟ์ขนาด 12 TB เพิ่มขึ้นร้อยละ 59

นี่คือพัฒนาการของสกุลเงินดิจิทัล ที่กำลังหาหนทางในการคงอยู่อย่างยั่งยืน ทั้งในการเป็นสกุลเงินที่เป็นที่ยอมรับ และให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมของโลกไปด้วยกัน

แปลและเรียบเรียงจาก

https://oxfordbusinessgroup.com
https://www.scmp.com/

ภาพประกอบจาก

https://www.scmp.com/tech/tech-trends/article/3136913/bitcoin-trading-volume-and-exchange-fees-dive-amid-beijings?pgtype=nl_article&campaign=globalimpact-20210625&next_article_id=3132952&module=tc_45

#Greenbitcoins #กรีนบิทคอยน์ #เงินดิจิทัล

you might like

Scroll to Top