มอบรอยยิ้มแห่งความสุข กับ “คิงบริดจ์ปันสุข” โครงการจากคิงบริดจ์ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานแห่งใหม่เคียงคู่สะพานภูมิพล

“คิงบริดจ์ปันสุข” เป็นหนึ่งในโครงการ CSR ของ “คิงบริดจ์ ทาวเวอร์” อาคารสำนักงานสัญลักษณ์แห่งใหม่บนถนนพระราม 3 เคียงคู่สะพานภูมิพล วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ของบริษัท คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ จำกัด ในเครือสหพัฒน์ ร่วมกับมูลนิธิดร.เทียม โชควัฒนา และบริษัท นันทวัน จำกัด หรือ Thai Obayashi Corporation Limited ในการดำเนินโครงการคิงบริดจ์ปันสุขมาตั้งแต่ปลายปี 2564 ด้วยการปันน้ำใจ สร้างรอยยิ้มด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค และของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่นำส่งมอบเพื่อแบ่งปันความสุขให้กับทั้งชุมชนโดยรอบ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ และชุมชนอื่น ๆ โดยมอบกล่องปันสุขเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งดำเนินโครงการจนเข้าปีที่สอง ได้วางงบประมาณการดำเนินโครงการไว้สูงถึง 150 ล้านบาท

“เริ่มจากตอนที่เราเริ่มสร้าง “คิงบริดจ์ ทาวเวอร์” พระราม 3 มีความตั้งใจและใส่ใจเรื่องการสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดีให้กับผู้ใช้งาน พร้อมยกระดับ พัฒนาพื้นที่โดยรอบและชุมชนอื่น ๆ สร้างอาชีพ สร้างชุมชนที่มีความสุข โดยเป็นอาคารที่ไม่เบียดเบียนรอบข้าง ทั้งชุมชน ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ด้วยการแบ่งปันให้ทุกคนมีความสุขไปด้วยกัน จึงกลายเป็นการมอบ “กล่องปันสุข” ขึ้น โดยเริ่มจากชุมชนบริเวณโดยรอบโครงการ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ และตั้งใจจะดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ขยับการมอบกล่องปันสุขให้กับชุมชนที่อยู่นอกบริเวณย่านพระราม 3 แล้ว ซึ่งคิดว่าจะขยายความสุขนี้กระจายไปสู่ชุมชนอื่น ๆ ต่อไป” ธนินธร โชควัฒนา ผู้อำนวยการโครงการคิงบริดจ์ ทาวเวอร์ กล่าว

ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน โครงการ “คิงบริดจ์ปันสุข” ได้ส่งมอบกล่องปันสุขไปแล้ว จำนวน 11,950 กล่อง ให้กับ ชุมชน วัด โรงเรียน รวมถึงคนขับรถสาธารณะโดยรอบโครงการ ล่าสุด โครงการ คิงบริดจ์ปันสุข ได้ขยายพื้นที่การปันสุขด้วยการส่งมอบกล่องปันสุขให้กับชุมชนบริเวณใต้สะพานพระราม 8 ชุมชนบ้านปูน และชุมชนวัดคฤหบดี รวม 2,000 กล่อง โดยภายในกล่องประกอบไปด้วยของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน อาทิ บะหมี่กี่งสำเร็จรูปมาม่า อาหารสำเร็จรูป ผงซักฟอก ผ้าขนหนู ยาสามัญประจำบ้าน กระดาษชำระ ข้าวสาร น้ำดื่ม เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และสินค้าอื่น ๆ โดยได้ประสานความร่วมมือกับครูเชาว์ เชาวลิต สาดสมัย ครูอาสาประจำศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระราม 8 ของกรุงเทพมหานคร ผู้ที่ตั้งใจพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิตเด็กให้ดีขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพและอนาคตของเด็กให้กลายเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมต่อไป

          ครูเชาว์ เชาวลิต สาดสมัย ครูอาสาประจำศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระราม 8 กล่าวว่า “คนในชุมชนเมื่อได้ทราบข่าวก็มีความตื่นตัวที่จะรอรับเพราะไม่คิดว่าจะมีกล่องแบบนี้มาแจก เนื่องจากที่ผ่านมาที่มีมาแจกมักจะเป็นข้าวกล่อง ส่วนตัวผมเองมองว่าโครงการนี้เกิดขึ้นด้วยความสุข ทั้งความสุขจากผู้ให้และความสุขของผู้รับ ดูจากรอยยิ้มของพวกเขาที่ได้รับของไป ซึ่งทุกคนในชุมชนได้รับทราบเกี่ยวกับโครงการตั้งแต่ตอนที่ทีมงานคิงบริดจ์ปันสุขมาสำรวจพื้นที่แล้ว ในนามของชุมชนใต้สะพานพระราม 8 ชุมชนบ้านปูน และชุมชนวัดคฤหบดี ผมต้องขอขอบคุณโครงการคิงบริดจ์ปันสุข ขอบคุณผู้บริหารโครงการที่เห็นความสำคัญของปัญหาสังคมและได้แบ่งปันความสุขมาให้ในครั้งนี้ด้วย หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้มีจัดต่อไปเรื่อย ๆ ครับ”

          นายชัยยศ จิรัฐวรกุล หนึ่งในประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับมอบกล่องปันสุขในครั้งนี้ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับของใช้ประเภทนี้ ที่ผ่านมาในชุมชนแห่งนี้ก็มีหน่วยงานเข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้าง แต่ความยากลำบากในสภาพความเป็นอยู่ ตลอดจนการทำมาหากินในปัจจุบันที่ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่งานหลายอาชีพไม่เหมือนเดิม หากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือเรื่องการส่งเสริมการสร้างอาชีพด้วย เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่ในการทำงาน จะได้ทำมาหากินเองได้ด้วย

          นางสาวธณัฐชนก น้อยนาก หนึ่งในประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับมอบกล่องปันสุข กล่าวถึงโครงการคิงบริดจ์ปันสุขว่า รู้สึกดีและดีใจที่ได้รับกล่องปันสุขในครั้งนี้ อยากให้มีโครงการดี ๆ แบบนี้อีกเพื่อช่วยเหลือคนรายได้น้อย หรือครอบครัวที่อาจจะมีคนป่วย คนสูงอายุ หรือคนตกงาน ก็จะช่วยให้เดินหน้าต่อไปได้ ที่ผ่านมาในชุมชนก็มีคนนำของมาแจกอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับกันไม่ค่อยทั่วถึงเหมือนอย่างในครั้งนี้

          นายจิรายุ หอมชื่นใจ อีกหนึ่งในประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับแจกกล่องปันสุข กล่าวถึงโครงการคิงบริดจ์ปันสุข ว่า ตนเองรู้สึกดีใจที่ได้รับแจกกล่องปันสุขในวันนี้ และเชื่อว่าคนอื่น ๆ ก็น่าจะดีใจไม่ต่างกัน อยากขอขอบคุณทางโครงการที่นำของมาแจกให้ในวันนี้ ที่ผ่านมาในชุมชนแห่งนี้ก็จะมีหน่วยงานนำของมาบริจาคให้อยู่บ้างประมาณ 2-3 เดือนครั้ง ซึ่งตนก็เชื่อว่าผู้ที่ได้รับกล่องปันสุขนี้ก็จะมีความสุขทุกคน

จากแนวคิด “The Spirit of Synergy” ของการก่อสร้าง คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานให้เช่าสัญลักษณ์แห่งใหม่บนถนนพระราม 3 วิวแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อว่าการผสานรวมกันจะก่อให้เกิดพลังและสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี เพื่อให้ตอบคุณภาพชีวิตของการทำงานที่เข้าอกเข้าใจและสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน นำมาสู่การปฏิบัติในโครงการ “คิงบริดจ์ปันสุข” ที่จะร่วมกันแบ่งปันน้ำใจด้วย “กล่องปันสุข” ส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้กับผู้คนในชุมชนโดยรอบโครงการและชุมชนที่ห่างไกลออกมา ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค และของใช้จำเป็น โดยเริ่มจากชุมชนบริเวณรอบโครงการ คิงบริดจ์ ทาวเวอร์ ก่อนจะขยายไปยังชุมชนที่ไกลออกไป รวมถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในสังคม เพื่อให้ผู้ที่ได้รับมีความสุข มีรอยยิ้ม มีความหวัง อีกทั้งยังเป็นการสร้างพลังใจให้ผู้รับได้ใช้ชีวิตต่อไปด้วยใจที่เปี่ยมสุข

นายสุพจน์กล่าวต่อไปว่า กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ ไอคอนสยาม และองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน ได้แก่ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, เมืองสุขสยาม, บริษัท ห้าตะขาบ (ซิม เทียน ฮ้อ) จำกัด, แป้งตรางู, บ้านทองสมสมัย, น้ำอบนางลอย, สมาคมการค้าและธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมกันรังสรรค์งาน “ไอคอนสยาม มหัศจรรย์เจ้าพระยามหาสงกรานต์ ๒๕๖๖” (THE ICONIC SONGKRAN FESTIVAL 2023) ภายใต้แนวคิด Blooming ซึ่งสื่อถึงความเบิกบาน การเริ่มต้นใหม่ การได้กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2566 อย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี อลังการกับขบวนแห่นางสงกรานต์ที่สวยงามวิจิตรแบบไทย เสริมสิริมงคลสรงน้ำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พร้อมสนุกสนานกับการสาดน้ำสงกรานต์ริมเจ้าพระยา และการแสดงดนตรีของศิลปินชั้นนำ ครบทั้งสายมูที่มองหาความเป็นมงคล สายกิน สายช้อป ตอบโจทย์ครบทุกกลุ่มทั้งครอบครัว คนรุ่นใหม่ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก

พร้อมกันนี้เพื่อร่วมเชิดชู สืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ไอคอนสยามเตรียมพร้อมจัดพิธีเปิดงานไอคอนสยาม มหัศจรรย์เจ้าพระยามหาสงกรานต์ ๒๕๖๖ ในวันที่ 11 เมษายน 2566 พร้อมด้วยไฮไลต์สุดพิเศษที่นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศขบวนแห่นางสงกรานต์ ที่มีความงดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา นำโดยนักแสดงสาวชื่อดัง ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ สวมบทบาทนางกิมิทาเทวี นางสงกรานต์ประจำปี 2566 ซึ่งมีความงดงามของการแต่งกายด้วยชุดไทยอันวิจิตรสวยงาม พร้อมสวมใส่เครื่องประดับไทยโบราณ หาชมได้ยาก อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมด้วย และอีกหนึ่งไฮไลต์ของปีนี้คือขบวนแห่นางสงกรานต์ในวันมหาสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน 2566 นำโดย อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2563 และผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 69 เผยโฉมในเครื่องแต่งกายเสมือนนางกษัตริยาสมัยสุโขทัย ประดับด้วยเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ทองคำล้ำค่า หลังจากนั้น ทุกท่านสามารถสนุกสุดมันส์ไปกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ อาทิ Three Man Down, Tilly Birds, ATLAS และอีกมากมายที่จะมาสร้างสีสันภายในงานเป็นประจำทุกวัน อีกทั้งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสการแสดงทางวัฒนธรรมของไทย ผสานความสนุกสนานจากการสาดน้ำสงกรานต์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดทั้งวัน ภายใต้มาตรการความปลอดภัย ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งดอกไม้นานาชนิดสีสันสดใส ณ ริเวอร์ พาร์ค ชั้น