PEOPLE

เดลฟีน อาร์โนลต์ ลูกสาวที่พ่อปั้นให้เป็น(ว่าที่)นายหญิงแห่งอาณาจักรแฟชั่น 14 ล้านล้าน

11:00
17 สิงหาคม 2024

ชายวัย 75 จอมวางแผน นักดีลมือหนึ่ง เป็นผู้กว้างขวาง มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด…เขาไม่ใช่คนที่คุณกำลังคิดอยู่ แต่คือ Bernard Arnault (แบร์นาร์ อาร์โนลต์) ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เจ้าของทรัพย์สินกว่า 200,000 ล้านยูโร (ประมาณ 7 ล้านล้านบาท) ท่านประธานแห่งอาณาจักรลักชัวรี LVMH เจ้าของแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton, Dior, Celine, Tiffany & Co.ไปจนถึงไวน์และนาฬิกาหรู

แม้แบร์นาร์จะแก้ไขกฎเกษียณอายุของตำแหน่งประธานให้ตัวเองได้รั้งอำนาจสูงสุดต่อไปจนถึงอายุ 80 แต่เขาเตรียมแผนการดันลูกๆ ทั้งห้าคนให้เข้ามาเป็นตัวตายตัวแทนในอาณาจักร LVMH มานานกว่า 30 ปี

ตัวเก็งเต็งหนึ่งที่จะได้รับไม้ต่อคือ Delphine Arnault (เดลฟีน อาร์โนลต์) ลูกสาวคนโตและพี่สาวของน้องชายอีก 4 คน ซึ่งแม้ยังไม่ได้นั่งเก้าอี้ท่านประธาน แต่เธอได้เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการแฟชั่นระดับโลกไปแล้วเรียบร้อย

The Optimized ชวนทำความรู้จักลูกสาวที่พ่อปั้นให้เป็นนายหญิงคนต่อไปของอาณาจักรลักชัวรีมูลค่า 400 ล้านยูโร (ประมาณ 14 ล้านล้านบาท)

Photo: Francois Durand/Stringer/Getty Images

งานนี้เดลฟีนไม่ได้จู่ๆ ลอยมา แต่ไต่เต้าทำงานในองค์กรของพ่อมาตั้งแต่เด็ก

เดลฟีนวัย 49 เริ่มตามพ่อไปตรวจงานที่บูติก Dior ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เมื่ออายุได้ 17 เดลฟีนรับบทพนักงานขายน้ำหอมดิออร์

คุณปู่ของเธอร่ำรวยจากอสังหาริมทรัพย์ และเป็นเงินทุนก้อนแรกที่แบร์นาร์ บิดาของเธอนำไปซื้อกิจการ Dior แบรนด์แฟชั่นเก่าแก่ของฝรั่งเศส Dior จึงกลายเป็นแบรนด์แฟชั่นแรกในอาณาจักร LVMH

เดลฟีนจบการศึกษาจาก London School of Economics (LSE) มหาวิทยาลัยในอังกฤษที่เด่นดังเรื่องเศรษฐศาสตร์ระดับโลก ก่อนจะเริ่มงานแรกในตำแหน่งที่ปรึกษาที่ McKinsey & Company 2 ปี

เดลฟีนกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวในปี 2000 เป็นลูกคนแรกของนายใหญ่ที่เข้าทำงานในบริษัทของพ่อ พออายุ 28 ก็กลายเป็นกรรมการบริหาร (Board of Directors) ที่อายุน้อยที่สุดของ LVMH และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้นั่งตำแหน่งนี้

ในปี 2008 เดลฟีนได้เป็น Deputy Chief ดูแลแผนกเครื่องแต่งกายชั้นสูงของ Christian Dior ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของแบรนด์นี้จากผลงานสุดแฟนตาซีของ John Galliano (จอห์น กัลลิอาโน)

ในปี 2011 วิดีโอที่จอห์นเบรกแตก ทำสัญลักษณ์นาซีท่ามกลางผู้คนในปารีสปลิวว่อนอินเทอร์เน็ต จนเป็นวิกฤตหนักครั้งสำคัญของแบรนด์ ก็เป็นเดลฟีนที่กอบกู้สถานการ ฟื้นคืนภาพลักษณ์ของดิออร์ด้วยการจีบ Raf Simons ดีไซเนอร์ชาวเบลเยียมฝีมือเยี่ยมมาทำหน้าที่ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์แทนจอห์น กัลลิอาโน จนกลายเป็นยุคทองครั้งใหม่ของดิออร์

ต่อมาในปี 2013 เดลฟีนย้ายไปเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลสินค้าทุกไลน์ของ Louis Vuitton แบรนด์ที่ทำรายได้สูงสุดในพอร์ตโฟลิโอของ LVMH

ลิซ่า แบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนล่าสุดของหลุยส์วิตตอง ไปร่วมชมแฟชั่นโชว์ Fall-Winter 2024 คอลเล็กชั่นครบรอบ 10 ปีของนิโกลาส์ เกสกิแยร์ ดีไซเนอร์ที่เดลฟีนพามาดูแลแบรนด์ใหญ่ที่สุดในเครือ LVMH

Photo: Louis Vuitton

และก็เป็นเธอนี่ละที่พาตัว Nicolas Ghesquière (นิโกลาส์ เกสกิแยร์) ดีไซเนอร์ที่วงการแฟชั่นยกย่องว่า ‘อัจฉริยะ’ หลังออกจาก Balenciaga ให้มาเป็นเฮดของแผนกเครื่องแต่งกายสตรีที่ หลุยส์วิตตอง แบรนด์แฟชั่นแรกในโลกที่ทำรายได้ถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 700,000 ล้านบาท)

โปรเจกต์แรกที่เดลฟีนทำเมื่อไปถึงคือ จับหลุยส์วิตตองทำคอลแล็บกับศิลปินและนักออกแบบระดับตำนาน อาทิ Christian Louboutin, Frank Gehry, Cindy, Karl Lagerfeld, Marc Newson และ Rei Kawakubo ให้แต่ละคนตีความทรังค์ลายโมโนแกรม หรือหีบเดินทาง ไอเท็มสร้างชื่อให้กับหลุยส์วิตตองในแบบของตนเองรวม 25 ใบ จนทรังค์ในคอลเล็กชั่นพิเศษนี้กลายเป็นของสะสมเลอค่าหายาก อาทิ ทรังค์ที่ซินดี้ เชอร์แมนออกแบบมูลค่า 130,000 ยูโร (ประมาณ 5 ล้านบาท)

เธอยังเป็นกรรมการบริหารของแบรนด์ดังๆ อย่าง Céline ในยุคที่ Phoebe Philo (ฟีบี ฟีโล) ดีไซเนอร์สายเท่ขวัญใจผู้หญิงคูลนั่งเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ และ Loewe ที่เธอเป็นคนพา Jonathan Anderson (โจนาทาน แอนเดอร์สัน) ดีไซเนอร์ดาวรุ่งชาวอังกฤษมาพลิกฟื้นแบรนด์สัญชาติสเปนให้ดังระเบิด

ในปี 2014 เดลฟีนก่อตั้ง LVMH Prize การประกวดเฟ้นหาดีไซเนอร์หน้าใหม่ ผู้ชนะได้รางวัล 300,000 ยูโร (ประมาณ 11.5 ล้านบาท) พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญแฟชั่น LVMH ไปเป็นพี่เลี้ยงให้แบรนด์ 1 ปี

ปี 2019 ในวัย 43 เดลฟีนเป็นคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) LVMH ที่อายุน้อยที่สุด

เดลฟีน (กลาง) กับจีซู BLACKPINK (ซ้าย) และเจนนิเฟอร์ โลเปซ ร่วมชมแฟชั่นโชว์ Dior Haute Couture Fall-Winter 2024-2025 ที่ปารีสในเดือนมิถุนายน

Photo: Vianney Le Caer/Invision/AP

ในเดือนมกราคม 2023 บิดาของเธอโยกย้ายตำแหน่งให้ลูกสาวไปเป็นซีอีโอและกรรมการของดิออร์ พร้อมประกาศว่าสมัยที่ดูแลไลน์สินค้าทั้งหมดให้หลุยส์วิตตอง เดลฟีนพาแบรนด์แตะยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ที่หาใครเทียบได้จะเป็นสินทรัพย์ล้ำค่าที่จะขับเคลื่อนดิออร์ให้เติบโตขึ้น

ดิออร์คือแบรนด์ใหญ่อันดับ 2 ในเครือ LVMH และเป็นแบรนด์ที่แบร์นาร์ บิดาของเธอรักที่สุด เพราะเป็นแบรนด์แรกที่เขาใช้เงินก้อนแรกไปลงทุนซื้อกิจการมา

คาดกันว่าเดลฟีนได้รับตำแหน่งสำคัญนี้เพื่อปูทางให้เธอก้าวมาเป็นนายใหญ่ของอาณาจักร LVMH มูลค่า 400 ล้านยูโร ในอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อบิดาของเธอวางมือ

นั่นจะทำให้เดลฟีนกลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในธุรกิจลักชัวรี และเป็นไปตามแผนการที่บิดาของเธอปูทางมาให้ลูกสาวมาถึงจุดสูงสุดนี้นานกว่า 30 ปี

ปี 2022 LVMH มีรายได้ 79,184 ล้านยูโร ได้กำไร 21,055 ล้านยูโร

ปี 2023 LVMH มีรายได้ 86,153 ล้านยูโร ได้กำไร 22,802 ล้านยูโร เติบโตขึ้น +8%

ไวน์และสปิริต มีรายได้ 6,602 ล้านยูโร เติบโต -7%

แฟชั่นและเครื่องหนัง มีรายได้ 42,169 ล้านยูโร เติบโต +9%

น้ำหอมและเครื่องสำอาง มีรายได้ 8,271 ล้านยูโร เติบโต +7%

นาฬิกาและจิวเวลรี่ มีรายได้ 10,902 ล้านยูโร เติบโต +3%

ร้านค้า มีรายได้ 17,885 ล้านยูโร เติบโต +20%

กิจกรรมอื่นๆ มีรายได้ 324 ล้านยูโร

เซกเมนต์ที่ทำรายได้สูงสุดคือ แฟชั่นและเครื่องหนัง ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่เดลฟีนถูกวางตำแหน่งให้ทำงานมาโดยตลอด

ครอบครัวอาร์โนลต์ (จากซ้าย) เฟรเดริก, เดลฟีน, อองตวน, แบร์นาร์, เอแลน ภรรยาใหม่ของแบร์นาร์ และอเล็กซองเดรอ

Photo: Getty Images

น้องชาย Antoine (อองตวน) วัย 47 ดำรงตำแหน่ง Head of communications, Image and Environment for LVMH พ่วงกับกรรมการและซีอีโอ Christian Dior SE

Alexandre (อเล็กซองเดรอ) วัย 32 เป็นรองประธานที่ดูแลผลิตภัณฑ์และการสื่อสารที่แบรนด์จิวเวลรี่ Tiffany & Co.

Frédéric (เฟรเดริก) วัย 29 เป็นประธานและซีอีโอของเซกเมนต์นาฬิกาในเครือ LVMH

Jean (ฌ็อง) วัย 25 เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการพัฒนาแผนกนาฬิกาของหลุยส์วิตตอง

แม้พ่อจะเป็นป๋าดัน แต่ในวงการแฟชั่นต่างยอมรับว่าเดลฟีนทำงานหนัก เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และมีความสามารถอย่างแท้จริง

ทุกวันนี้เดลฟีนยังติดนิสัยชอบไปตรวจร้านของแบรนด์ต่างๆ ในเครือ LVMH ตอนบ่ายวันเสาร์ ช่วงเวลาที่ลูกค้าแน่นที่สุด เหมือนเมื่อครั้งที่บิดาพาเธอไปครั้งแรกตอนอายุ 10 ขวบ

Words: Sritala Supapong

ข้อมูลจาก