สู้เพื่อเรียนรู้ที่จะผ่านวิกฤต กับ “อานันท์ ประเสริฐรุ่งเรือง” ผู้ก่อตั้ง MAKESEND

ในช่วงวิกฤตโควิด 19 หลายธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก บางธุรกิจไปต่อไม่ได้ ต้องปิดกิจการ เลย์ออฟพนักงาน แต่บางคนเลือกที่จะสู้ต่อ แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย แต่ถือว่าได้เป็นโอกาสในการเรียนรู้ที่จะฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เหมือนกับ “อานันท์ ประเสริฐรุ่งเรือง” ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง MAKESEND Express

MAKESEND บริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่ให้บริการการขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึง (Same-day Delivery) ทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล MAKESEND เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจของ AIRPORTELs ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพที่รับฝากและขนส่งกระเป๋าสัมภาระนักเดินทาง ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ โควิด 19 จนต้องหยุดดำเนินธุรกิจ ลดจำนวนพนักงาน และเป็นหนี้อีกกว่า 10 ล้านบาท

อานันท์ เริ่มเข้าสู่ธุรกิจสตาร์ทอัพ หลังจากจบปริญญาโทด้าน Engineering Business Management จาก Warwick University สหราชอาณาจักร และปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขา Civil Engineering ด้วยใจรักในการทำธุรกิจ จึงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจอยู่เสมอ ซึ่งช่วง 8 – 9 ปีก่อนหน้านี้ธุรกิจ Airbnb กำลังมาแรง อานันท์กับเพื่อนๆ จึงทำธุรกิจห้องเช่าผ่านระบบ Airbnb และได้พบ Pain Point ของลูกค้าในเรื่องกระเป๋าเดินทาง จึงขยายธุรกิจ LockBox ตู้ล็อกเกอร์สำหรับฝากกระเป๋า และ AIRPORTELs ในเวลาต่อมา

“หัวใจสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ คือ Customer Centric เราต้องมองหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้” อานันท์กล่าว

สิ่งที่ยากในการทำธุรกิจใหม่ๆ คือการให้ความรู้กับตลาด AIRPORTELs ก็เช่นเดียวกัน ต้องใช้เวลาถึง 6 ปี ถึงได้รับความนิยมมากขึ้น จนมีรายได้หลักล้านบาท และกำลังเตรียมแผนระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจกับพันธมิตรไม่ต่ำกว่า 10 ราย แต่มหันตภัยโควิดที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AIRPORTELs อย่างมาก หลังจากการระบาดของโควิดช่วงปลายปี 2562 นักท่องเที่ยวเริ่มหยุดการเดินทาง สายการบินหยุดชะงัก ในเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2563 รายได้ของบริษัทเหลือศูนย์บาท

ผลกระทบจากโควิดที่เกิดขึ้นในระลอกแรก มาเร็วกว่าที่คาด ทำให้ต้องปิดให้บริการสาขาที่พัทยา และภูเก็ต ส่วนสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ให้พนักงานหยุดแบบไม่จ่ายเงินเดือน สุดท้ายต้องให้พนักงานออก และเป็นหนี้กับพนักงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกกว่า 10 ล้านบาท

“ช่วงนั้น แม้จะมีพนักงานส่วนใหญ่ที่ออกไป แต่เราก็ยังไม่หยุด ผมกับผู้ก่อตั้งทั้ง 4 คน และพนักงานที่เหลืออยู่ก็คิดต่อว่าจะทำอะไรได้บ้าง ทั้งบริการส่งอาหาร ส่งของ ทำทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้เข้ามา ถ้าถอดใจเลิกไป ก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนพนักงาน ถ้าหยุด ยอมแพ้ โดยไม่สู้ เราก็ไม่ได้เรียนรู้ว่าเราจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร” นี่คือมุมมองของอานันท์ที่ทำให้เขาและหุ้นส่วน ยังคงเดินหน้าหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ต่อไป “โอกาสทางธุรกิจมีเยอะ อยู่ที่เราจะคว้ามาได้หรือไม่”

เมื่อตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อ ด้วยทรัพยากรและโอกาสที่มี ได้เรียนรู้ในตลาด Food Delivery ตลาดส่งพัสดุ เริ่มเห็นความต้องการของลูกค้า จึงพัฒนาบริการที่เข้ามาตอบโจทย์ และเกิดเป็น MAKESEND บริการการขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึง (Same-day Delivery)

อานันท์ กล่าวว่า ในตลาดขนส่งพัสดุ หรือ Food Delivery ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง หรือ Red Ocean แต่สำหรับ Same-day Delivery ถือเป็น Blue Ocean เมื่อความต้องการของลูกค้า คือได้รับของทันที เราก็ต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ โดยอาศัยเทคโนโลยี การคิดค้นรูปแบบการให้บริการเพื่อเข้ามาตอบโจทย์ให้ได้ แน่นอนบางส่วนอาจจะมีค่าบริการสูงขึ้น แต่เมื่อลูกค้าพึงพอใจ ยินดีที่จะจ่าย ทำให้ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภายในครึ่งปีเห็นการเติบโตอย่างชัดเจน

“ในช่วงประมาณสิบเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เราเปิดให้บริการ เราเห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในการใช้บริการขนส่งแบบ Same-day Delivery ในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ จำนวนพัสดุที่เราทำการจัดส่งรวมถึงรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 400 % และอัตราการเติบโตของเรากำลังจะพุ่งขึ้นไปแตะ Four-Digit Growth ภายในสิ้นปี” อานันท์ระบุ

ล่าสุด MAKESEND ได้รับเงินลงทุนจากบริษัท Triple I Logistics จำกัด (มหาชน) ซึ่งเงินทุนที่ได้รับ บริษัทฯ จะนำไปใช้เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการการขนส่งแบบ Same-day Delivery ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย รวมทั้งนำไปใช้ในการขยายทีม การพัฒนาด้านเทคโนโลยี และกระบวนการทำงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

อานันท์ กล่าวว่า การระดมทุนในครั้งนี้เริ่มจากการที่ MAKESEND เล็งเห็นถึงความต้องการและการขยายตัวของธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น จึงออกแบบบริการให้มีความหลากหลายเพื่อรองรับกับกระแสการเติบโตของ E-Commerce ในไทย อาทิ การขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ การขนส่งสินค้าประเภทเบเกอรี่ อาหารและผลไม้ ซึ่งตลาดการขนส่งแบบ Same-day Delivery มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกมาก

“เราก็จะไม่หยุดที่จะทำให้ MAKESEND บรรลุเป้าหมายระยะยาวของเราในการเป็นผู้นำการขนส่งแบบ Same-day Delivery ทั่วประเทศไทย และด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งของเราอย่าง Triple I ที่มีความสามารถในการจัดการและบริหารระบบการขนส่งและห่วงโซ่อุปทาน เราจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ธุรกิจของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสามารถเพิ่มสถิติใหม่ของอัตราการขนส่งได้ในทุกเดือน” อานันท์ กล่าวทิ้งท้าย

วันนี้ อานันท์ สามารถเคลียร์หนี้สินกับพนักงานที่มีกว่า 10 ล้านบาทลงได้ ซึ่งหากวันนั้นเขายอมแพ้ เลิกกิจการ ก็จะไม่เกิดการเรียนรู้ว่าจะฝ่าวิกฤตในครั้งนี้มาได้อย่างไร และส่งต่อเรื่องราวที่มีคุณค่า ประสบการณ์ที่ทำให้แข็งแกร่ง พร้อมกับการก้าวครั้งใหม่ด้วยอนาคตที่สดใสกว่าเดิม

#MAKESEND #Ecommerce #โควิด19 #Covid19 #อานันท์ประเสริฐรุ่งเรือง

you might like

Scroll to Top