เจนเซน หวง คนล้างจานที่สร้าง NVIDIA บริษัทรวยสุดในโลกด้วย ‘วิธีดูแลสวนมอสส์’  

ชวนอ่านแนวคิดของ ‘เจนเซน หวง’ ที่สร้างบริษัทผลิตชิป NVIDIA ให้เป็นบริษัทมูลค่าสูงสุดในโลกกว่า $3 ล้านล้าน โดยใช้ ‘วิธีดูแลสวนมอสส์ญี่ปุ่น’ มาปรับใช้กับธุรกิจ พร้อมแนะนำวิธีแก้ ‘เรียนสูง-คาดหวังสูง-ปรับตัวต่ำ’ แก่คนทำงาน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ปรากฏว่าบริษัทที่คนจำนวนไม่น้อยอ่านชื่อไม่ออกอย่าง NVIDIA กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกประมาณ 3.34 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้า Microsoft 3.32 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และอันดับ 3 Apple 3.27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

หนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ ‘NVIDIA’ ก้าวมาสู่จุดนี้ได้ก็คือ เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอบริษัทเทคโนโลยียาวนานที่สุดในโลกถึง 31 ปีแล้ว

เจนเซน หวงใส่แจ็กเก็ตหนังสีดำเสมอ เพราะภรรยาที่รู้จักกันมาตั้งแต่อายุ 17 ซื้อให้

Photo: X @NVIDIA

เจนเซน หวง ผู้อพยพในเมืองไทย

เจนเซน หวงเป็นชาวไต้หวันที่ครอบครัวอพยพมาอยู่ประเทศไทยตั้งแต่เขายังเด็ก ซีอีโอระดับโลกผู้นี้จึงเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยช่วงระยะหนึ่งจนถึง 9 ขวบ ก่อนที่ครอบครัวจะอพยพครั้งใหม่ไปอยู่อเมริกา

หวงเริ่มต้นชีวิตลูกจ้างกับ AMD บริษัทผู้ผลิตชิปเซต และย้ายไปทำงานที่ LSI Logic บริษัทออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ ก่อนที่ในปี 1993 เขาและเพื่อนอีกสองคนจะสุมหัวกันก่อการตั้งบริษัท NVIDIA เพื่อพัฒนาชิปเซตประมวลผลกราฟิก ด้วยเล็งเห็นว่าตลาดชิปกำลังจะโต เพราะคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเครื่องเล่นเกมคอนโซลเริ่มบูม

อีก 31 ปีต่อมา หวงทำนายถูก เมื่อในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ จะไม่มีอุตสาหกรรมใดที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายความว่า โลกจะขาดชิปเซตไม่ได้ และย่อมขาด NVIDIA ไม่ได้เช่นกัน

NVIDIA ทำทั้งธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) เกม แพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส ไปจนถึงชิปเซตในยานยนต์ และระบบช่วยให้เอไอประมวลได้เร็ว

และในยุคเปลี่ยนผ่านไปสู่ AI เต็มรูปแบบ โลกก็ยิ่งต้องพึ่งพา NVIDIA มากกว่าเก่า เมื่อ NVIDIA พัฒนาระบบ GPU ในการประมวลผลที่นำมาใช้ร่วมกับ CPU เพื่อให้ภาพกราฟิกมีการประมวลผลที่รวดเร็วดูเสมือนจริงมากขึ้น และยังพัฒนาระบบสถาปัตยกรรม Compute Unified Device Architecture (CUDA) ซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ทำให้นักพัฒนาเขียนโปรแกรมไปสั่งงานให้ GPU ทำงานแบบคู่ขนานได้ง่าย

GPU และ CUDA ของ NVIDIA คือจุดเปลี่ยนของระบบเอไอ และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ที่ทำให้ระบบเอไอพัฒนาได้ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพในการประมวลผลที่รวดเร็ว ตลาดกว่า 95% ของระบบเอไอพัฒนามาจากการประมวลผลบน GPU ของ NVIDIA

Photo: X @NVIDIA

NVIDIA บริษัทอันดับ 1 ของโลกที่ไม่มีใครอ่านชื่อออก

NVIDIA เติบโตแซงหน้ายักษ์ตัวเดิมอย่าง Microsoft, Google, Amazon, Apple และอีกมากมายที่ล้วนแต่เป็นลูกค้าที่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกันทั้งสิ้น แม้ว่าสำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ จะยังงงๆ ว่า NVIDIA รวยเป็นอันดับ 1 ของโลกได้ยังไง ทำอะไร ขายอะไร มันเกี่ยวอะไรกับชีวิตฉัน และชื่อมันอ่านว่าอะไร

แรกทีเดียว บริษัทมีชื่อว่า NVision แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าชื่อนี้มีบริษัทผลิตทิชชูใช้ไปแล้ว จึงต้องคิดชื่อบริษัทกันใหม่ แต่อยากให้มีตัวอักษร NV ในชื่ออยู่ดี หวงจึงแนะนำให้ใช้ชื่อว่า NVIDIA ที่มาจากภาษาลาติน Invidia แปลว่า อิจฉา

และสมดังตั้งใจ เมื่อ NVIDIA – เอ็นวีเดีย กลายเป็นบริษัทที่น่าอิจฉาเหลือเกินในเวลานี้

5 แนวคิดการสร้างองค์กรของเจนเซน หวง

เบื้องหลังแนวคิดที่ทำให้เจนเซน หวง นำพา NVIDIA เป็นบริษัทอันดับ 1 ของโลกคืออะไร เขาเฉลยไว้ในสุนทรพจน์วันจบการศึกษาของบัณฑิตปี 2024 แห่ง California Institute of Technology (Caltech) สถาบันการศึกษาที่ฮีโร่ของเขา  Richard Feynman นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้ให้กำเนิดวิชากลศาสตร์ควอนตัมเป็นอาจารย์สอน และหัวหน้าวิศวกรสองคนของ NVIDIA เป็นศิษย์เก่าที่นี่ไว้ดังนี้

GPU และเครือข่าย NVIDIA Quantum-2 InfiniBand

Photo: X @NVIDIA

ถ้าไม่สร้างก็ไม่สำเร็จ

ตลอด 31 ปีของ NVIDIA มักจะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ก้าวนำคนอื่นอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ หวงจึงคุ้นชินกับการโดนถามว่า รู้ได้ยังไงว่าเทคโนโลยีนี้จะมา จะมีคนใช้งานกันเยอะแน่ๆ ไม่กลัวลงทุนเสียเปล่าหรือเสียเวลาหรือ?

“เราอุทิศตัวเองให้กับความเชื่อพื้นฐานข้อแรกของเรา เรามาถึงจุดที่เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะต้องออกมาดีแน่ๆ และเมื่อบริษัทของเราเชื่อในอะไรแล้วก็ตาม เราจะมุ่งไปลงมือทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้น เพราะเราเชื่อว่า ‘ถ้าไม่สร้างก็ไม่สำเร็จ’

สร้างตลาดมูลค่า 0 พันล้านดอลลาร์   

นับครั้งไม่ถ้วนที่ NVIDIA พยายามบุกตลาดอื่นๆ แต่ต้องพับแผนแบบสิ้นท่า เช่นที่หวงเล่าว่า “NVIDIA เคยพยายามจะบุกตลาดอุปกรณ์พกพาไร้สาย จำพวก โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก ฯลฯ แต่ Qualcomm ที่เป็นเจ้าตลาดนี้อยู่ไม่ยอมให้ NVIDIA คอนเน็กอุปกรณ์กับโมเดมของตัวเอง และมันก็ยากยิ่งกับการสร้างอุปกรณ์พกพาไร้สายขึ้นมาใหม่โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับโมเดม และก็ไม่มีบริษัททำโมเดม LTE อื่นอีกแล้ว เราตึงต้องออกจากตลาดอุปกรณ์พกพาไร้สายนี้ไปในที่สุด

“ในเมื่อไม่มีตลาดอื่นใดอีกแล้วให้เราหันไปหา เราจึงตัดสินใจว่าจะสร้างสิ่งที่เราแน่ใจว่าจะไม่มีลูกค้า เพราะนั่นหมายความว่าเราสามารถการันตีอย่างน้อยเรื่องหนึ่งได้ละว่า ตลาดที่ไม่มีลูกค้าก็จะไม่มีคู่แข่ง และไม่มีใครมาสนใจ เราจึงเลือกทำธุรกิจใหม่ในตลาดที่ไม่มีลูกค้า เป็นตลาดมูลค่า 0 พันล้านเหรียญ และตลาดที่ว่านั้นก็คือ ธุรกิจโรบอต”

Photo: X @NVIDIA

เมื่อ 10 ปีก่อน NVIDIA เป็นเจ้าแรกที่ทำคอมพิวเตอร์โรบอติกส์เครื่องแรกในโลกที่ประมวลผลอัลกอรึทึมที่ในเวลานั้นไม่มีใครเข้าใจได้ที่เรียกว่า deep learning

10 ปีต่อมา deep learning กลายเป็นตลาดที่มีมูลค่า 17,600 ล้านเหรียญในปี 2023 และคาดว่าจะโตขึ้น 36.7% จนมีมูลค่าตลาด 298,380 ล้านเหรียญในปี 2032

“ณ จุดที่เราอยู่ทุกวันได้บอกและสอนอะไรเราบางอย่างว่า โลกนั้นไม่แน่นอน และโลกก็อาจจะไม่ยุติธรรมและยากลำบาก แต่ช่างมันเถอะครับ ช่างมัน ยังมีโอกาสอื่นอีก หรือเราสร้างโอกาสขึ้นมาเองได้”

สร้างตัวด้วยวิธีดูแลสวนมอสส์

หวงเล่าว่าตนเองเคยต้องตระเวนไปทำงานสาขาในต่างประเทศหนึ่งเดือนในช่วงฤดูร้อน ช่วงที่ลูกๆ ของเขาเป็นวัยรุ่น เขาไปทำงานที่ญี่ปุ่น ช่วงสุดสัปดาห์ก็จะพาครอบครัวไปเที่ยวเกียวโต ไปชมวัดโบราณเก่าแก่ขึ้นชื่อของเมือง และครั้งหนึ่งได้เยี่ยมชมวัดเงิน (วัดกิงคะคุจิ) ซึ่งมีสวนมอสส์เลื่องชื่อ

“วันที่เราไปถึงวัดเป็นวันที่อากาศร้อนเป็นพิเศษ ทั้งร้อน ทั้งชื้น เนื้อตัวเหนียวหนับไปหมด เราเดินเที่ยวชมสวนไปเรื่อยๆ สวนมอสส์ที่วัดนั้นใหญ่โตมโหฬารมาก และมีมอสส์แทบจะทุกสายพันธุ์ในโลก ทว่าก็ได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม และท่ามกลางนักท่องเที่ยว ผมสังเกตเห็นคนสวนผู้เดียวดาย

“ผมเห็นคนสวนนั่งย่อตัวอยู่คนเดียว กำลังใช้ที่คีบไม้ไผ่คีบเอามอสส์ที่ตายแล้วมาใส่ในตะกร้าอย่างระมัดระวัง แต่ตะกร้าดูว่างเปล่า จนผมคิดว่าเขากำลังคีบมอสส์ในจินตนาการอยู่หรือเปล่า

สวนมอสส์ที่วัดเงิน

Photo:そらみみ under CC

“ด้วยความสงสัย ผมจึงเดินเข้าไปถามว่าเขากำลังทำอะไร

“ผมกำลังคีบเอามอสส์ตายออก ผมดูแลสวนของผมอยู่” คนสวนตอบ

“แต่สวนนี้มันใหญ่มากเลยนะ” หวงทำหน้าเหลือเชื่อที่สวนใหญ่โตขนาดนี้กลับมีคนสวนดูแลแค่คนเดียว

“ผมดูแลสวนนี้มา 25 ปีแล้ว ผมมีเวลาเหลือเฟือ” คนดูแลสวนมอสส์กล่าว

“นั่นคือบทเรียนอันลึกซึ้งยิ่งสำหรับผมที่ได้สอนบางสิ่งกับผม คนสวนผู้นี้อุทิศตนให้กับผลงานของเขาและเพียรทำงานแห่งชีวิต เมื่อคุณอุทิศตนให้กับสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตคุณ คุณจะมีเวลาเหลือเฟือที่จะทำสิ่งนั้น

“ผมจะเริ่มต้นทุกเช้าในทุกวันแบบเดิม คือจะทำสิ่งสำคัญที่สุดก่อน แล้วจึงสามารถอุทิศเวลาที่เหลือของวันไปกับการช่วยคนอื่น เมื่อใดก็ตามที่มีคนขอโทษที่รบกวนเวลาผม ผมจะตอบเสมอว่า ผมมีเวลาเหลือเฟือ และผมหมายความตามนั้นจริงๆ”

เรียนสูง คาดหวังสูง ปรับตัวต่ำ

หวงไปให้สัมภาษณ์บนเวที 2024 SIEPR Economic Summit (Stanford Institute for Economic Policy Research) ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยกล่าวถึงอุปสรรคหนึ่งที่ดึงคนทำงานให้ถดถอย โดยเฉพาะในเหล่าคนที่จบจากสถาบันการศึกษาเด่นดัง (เช่น สแตนฟอร์ด) ว่า “ยิ่งคุณเรียนเก่ง จบจากสถาบันชื่อดัง คุณจะยิ่งคาดหวังสูง แต่มักจะปรับตัวต่ำ” กล่าวคือเป็นคนที่ล้มแล้วฟื้นตัวช้า ยากจะลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ไว

Photo: X @NVIDIA

ขออวยพรให้ทุกคนเจออุปสรรค

วิธีแก้เรื่องเรียนสูง คาดหวังสูง ปรับตัวต่ำ และวิธีเพิ่มประสิทธิภาพคนทำงาน หวงให้คำแนะนำไว้ว่า “ผมหวังว่าคุณจะเจออุปสรรค เจอความยากลำบาก ต้องทุกข์ทรมาน ที่ NVIDIA ของเราต้อนรับอุปสรรคด้วยความยินดีปรีดากันสุดๆ ผมจึงหวังให้คุณมองอุปสรรคว่าเป็นโอกาสใหม่ๆ ความเจ็บปวดและทุกข์ทนที่ต้องเจอจะทำให้ตัวตน การฟื้นตัวและความคล่องตัวของคุณดีขึ้น และความยากลำบากนี่ละคือพลังวิเศษไร้เทียมทาน

“ในบรรดาความสามารถทั้งหมดที่ผมมี ผมไม่ได้ให้คุณค่ากับสติปัญญาเป็นอันดับหนึ่งนะ แต่ผมให้ค่าความสามารถที่จะอดทนต่อความเจ็บปวดและความทุกข์ทน ความสามารถในการทำอะไรบางอย่างเป็นเวลายาวนานมากๆได้ และความสามารถในการรับมืออุปสรรคและมองเห็นโอกาสต่างหากคือพลังวิเศษของผม และผมหวังว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นพลังวิเศษของคุณเช่นกัน

“และผมหวังว่าคุณจะได้พบเจองานแห่งชีวิต เป็นสิ่งที่คุณจะอุทิศเวลาคราฟต์มันขึ้นมา ไม่สำคัญหรอกว่าต้องตัดสินใจว่าสิ่งไหนจะเป็นคราฟต์ของคุณตั้งแต่วันแรก หรือจะตัดสินใจตอนไหนก็ไม่สำคัญ แต่ขอให้แค่เจอสิ่งที่คุณอยากอุทิศเวลาทั้งชีวิตปรับแต่ง แก้ไข ฝึกฝนทักษะของคุณ และเมื่อนั้นละ สิ่งนั้นจะเป็นงานแห่งชีวิตของคุณ

“ผมหวังว่าคุณจะเชื่อในบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาทั่วไป สิ่งที่ยังไม่ถูกค้นพบ แล้วอุทิศตนทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ คุณอาจได้พบ GPU ของคุณ อาจได้พบ CUDA ของคุณ อาจได้พบ AI ของคุณ และอาจได้พบ NVIDIA ของคุณ”

Words: Sritala Supapong

ข้อมูลจาก

you might like

Scroll to Top